Page 26 -
P. 26
โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
24 Thai J. For. 31 (1) :20-25(2012)
การใชนํ้าของไมยูคาลิปตัส (Figure 1) ซึ่งมีลักษณะคลายคลึงกับไมยูคาลิปตัสที่
การใชนํ้าในรอบวันของไมยูคาลิปตัสที่ปลูก ปลูกในสวนปา (ณัฐวุฒิ, 2548) และเมื่อเปรียบเทียบ
รวมกับมันสําปะหลัง พบวามีการใชนํ้าตั้งแตเวลา การใชนํ้าในรอบปของไมยูคาลิปตัสสายตน K7 และ
ประมาณ 6.00-19.00 นาฬกา ซึ่งมีแนวโนมการใชนํ้าสูง K51 พบวามีความแตกตางกันอยางไมมีนัยสําคัญทาง
ในชวงเวลาใกลเที่ยงและบาย แลวคอยๆลดลงในตอน สถิติ (P>0.05) โดยมีการใชนํ้าในรอบปเทากับ 2,008.68
เย็นและตํ่าสุดในเวลากลางคืน ซึ่งการแปรผันของการ และ 1,519.57 ลิตรตอตนตอป ตามลําดับ (Table 3) โดย
ใชนํ้าจะมีคาเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วในตอนเชาและมีคา ทั่วไปการใชนํ้าของตนไมจะมีการแปรผันไปตามรอบ
สูงสุดในชวงบาย ประมาณ 13.00-14.00 นาฟกา ซึ่งมี วันและรอบเดือน ซึ่งจะตอบสนองตอการเปลี่ยนแปลง
ลักษณะคลายกับไมยูคาลิปตัสที่ปลูกในสวนปา ของปจจัยสิ่งแวดลอม อันไดแก อุณหภูมิ แสง ปริมาณ
(ณัฐวุฒิ, 2548) หรือไมชนิดอื่น เชน ไมสัก (คมสัน, นํ้าใตดิน ลมและความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะความ
2543) ไมยูคาลิปตัส สายตน K7 และ K51 เพิ่มขึ้นเมื่อ เขมแสงและความแตกตางระหวางความดันไอระหวาง
ตนไมมีการเติบโตเพิ่มขึ้นหรือมีพื้นที่กระพี้เพิ่มขึ้น ใบกับอากาศ (vapor pressure decifit หรือ VPD )
(รุงเรือง, 2537) โดยการใชนํ้ามีแนวโนมเพิ่มสูงขึ้นใน (Kozlowski and Pallardy, 1997) โดยปจจัยแสงและ
ชวงเดือนพฤษภาคม – กันยายน ซึ่งเปนชวงฤดูฝน ดิน ความแตกตางระหวางความดันไอนํ้าระหวางใบ
มีความชื้นสูง จึงมีการใชนํ้ามากในชวงนี้ แตพอเขาสู กับอากาศเปนปจจัยหลักที่มีผลตอการใชนํ้าของ
เดือนมกราคม-มีนาคม การใชนํ้าจะมีแนวโนมลดลง ไมยูคาลิปตัส (Yin et al., 2004)
Water use (liter .day -1 )
Water use (liter .day -1 )
Figure 1 Annual water use of 2-year-old eucalypt, K7 and K51 clones planted as
intercropping with cassava.
ประสิทธิภาพการใชนํ้า ตางกันอยางไมมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) โดยมีคา
ประสิทธิภาพการใชนํ้าในทางดานเศรษฐกิจ เทากับ 6.42 และ 7.18 กรัมตอลิตร ตามลําดับ (Table 3)
(WUEWS) ของไมยูคาลิปตัส สายตน K7 และ K51 ที่ ซึ่งสายตน K7 และ K51 ที่ปลูกรวมกับมันสําปะหลังมี
ปลูกรวมกับมันสําปะหลัง พบวามีความแตกตางกัน ประสิทธิภาพการใชนํ้าทางดานเศรษฐกิจและทางดาน
อยางไมมีนัยสําคัญทางสถิติ (p>0.05) โดยมีคาเทากับ ชีววิทยามากกวาไมยูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส ที่ปลูก
3.52 และ 3.91 กรัมตอลิตร ตามลําดับ สวนประสิทธิภาพ แบบสวนปาเชิงพาณิชย ในพื้นที่ที่เคยปลูกไมยูคาลิปตัส
มากอน (re-plantation) โดยมีคาเทากับ 5.02 กรัมตอลิตร
การใชนํ้าทางดานชีววิทยา (WUEWT) พบวามีความแตก
(ณัฐวุฒิ, 2548)