Page 92 -
P. 92

โครงการรวบรวมและจัดทําวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


           86     วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์



           ช่วงวัยกลางคน ผู้สูงอายุอาจเกิดความรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเอง มีคุณภาพชีวิตแย่ลง ขาดความมั่นใจ
           ในตนเอง และแยกตัวเองออกมาจากสังคม ตามทฤษฎีนี้ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีความอยู่ดีมีสุขหรือประสบ
           ความสำเร็จเมื่อยามเป็นผู้สูงอายุ  (successful  aging)  จะยังคงดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องเช่นเดียวกับที่
           เคยทำในวัยกลางคน  แต่กิจกรรมอาจไม่ใช่ชนิดเดิม  อาจเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสังคมด้านอื่น  เช่น
           การทำงานอาสาสมัคร  การทำงานเพื่อชุมชนหรือสังคม  การให้ความช่วยเหลือครอบครัวตนเองหรือ

           ครอบครัวอื่นๆ  เป็นต้น  เพื่อเติมเต็มบทบาทเดิมที่สูญเสียไป  โดยคุณภาพและชนิดของกิจกรรมที่ทำมี
           ความสำคัญต่อความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอายุ  การมีปฏิสัมพันธ์ทีใกล้ชิดหรือกิจกรรมที่ไม่เป็น
           ทางการกับบุคคลอื่นๆอย่างต่อเนื่อง  เป็นตัวสนับสนุนให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่าต่อครอบครัว

           และสังคมอยู่ (Knight &Ricciardelli, 2003; Lemon et al., 1972)
                    อย่างไรก็ตาม  การเป็นผู้สูงอายุที่มีพฤฒพลังต้องเริ่มจากการมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ
           นอกจากนี้การได้รับการสนับสนุนทางสังคมในด้านต่างๆ เช่น ด้านอารมณ์ ด้านการได้รับและเห็นคุณค่า
           ด้านการตอบสนองในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ด้านข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน เป็นต้น ก็มีส่วนที่ทำให้
           ผู้สูงอายุจะก้าวสู่การเป็นพฤฒพลังได้ (กุศล สุนทรธาดา และกมลชนก ขำสุวรรณ, 2553) ปัจจัยเหล่านี้

           อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุบางคนสามารถก้าวสู่การเป็นพฤฒพลังได้  ในขณะที่บางคนไม่
           สามารถเป็นได้
                    ผลการศึกษาที่ได้จากการประมาณการมูลค่าเชิงเศรษฐกิจของการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

           และสังคมของผู้สูงอายุแสดงให้เห็นถึงมูลค่าของกิจกรรมเหล่านี้หากถูกคิดคำนวณรวมในบัญชี
           ประชาชาติ โดยเมื่อใช้วิธีทดแทนด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องมาใช้ในการประมาณการ มูลค่าของกิจกรรม
           ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ผู้สูงอายุทำคิดเป็นประมาณร้อยละ  2.46  ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
           (gross  domestic  product:  GDP)  จำแนกเป็นมูลค่าของกิจกรรมนอกตลาด  (การให้บริการและดูแล
           สมาชิกในครัวเรือน การให้บริการชุมชน) ร้อยละ 0.97 และมูลค่าของกิจกรรมในตลาด (การทำงาน) ร้อย

           ละ  1.49  จากผลการศึกษาจะเห็นว่ามูลค่าส่วนใหญ่ของกิจกรรมนอกตลาดจะเป็นการให้บริการและดูแล
           สมาชิกในครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ  0.966  ในขณะที่มูลค่าของการให้บริการชุมชนคิดเป็นร้อยละ  0.002
           ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับงานวิจัยในประเทศอังกฤษที่พบว่ามูลค่าของการทำงานอาสาสมัครในกลุ่มผู้สูงอายุ

           คิดเป็นประมาณร้อยละ 0.70 ของ GDPประเทศอังกฤษ (Royal Voluntary Service, 2011) มูลค่าการ
           ให้บริการชุมชนของผู้สูงอายุในไทยดูน้อยกว่า  อาจเป็นเพราะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการทำกิจกรรมการให้
           บริการชุมชนของผู้สูงอายุไทยค่อนข้างต่ำ การใช้วิธีการประเมินมูลค่าที่แตกต่างกัน อีกทั้งวัฒนธรรมและ
           บริบทสังคมที่แตกต่างกัน  โดยประเทศตะวันตกได้เข้าสู่สังคมสูงอายุมาก่อนไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึง
           มีนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่ค่อนข้างรองรับหลากหลายด้านมากกว่าในประเทศไทย เช่น นโยบายที่เกี่ยว

           กับการสนับสนุนการเข้าร่วมสังคมและทำกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบองค์กรทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็น
           ทางการ สอดคล้องกับ Salamon, Sokolowski, and Associates (2004) ศึกษาการทำงานของอาสา
           สมัครใน 34 ประเทศ พบว่า ประเทศในทวีปอเมริกาและออสเตรเลีย รวมถึงประเทศแถบสแกนดิเนเวีย

           กับประเทศอิสราเอล มูลค่าของการทำงานอาสาสมัครจะมากกว่า 2% ของ GDP ประเทศนั้นๆ ในขณะที่
           ประเทศทวีปแอฟริกาและเอเชีย รวมถึงประเทศส่วนใหญ่ในลาตินอเมริกาและยุโรปตะวันออก มูลค่าของ
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97