Page 27 -
P. 27
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
16
15 ชนิด คือ กิ้งก่าหัวแดง แย้ จิ้งจกดินลายจุด จิ้งจกหินหางเรียว ตุ๊กแกบ้าน จิ้งเหลนน้อยหางยาว จิ้งเหลนหลากลาย
จิ้งเหลนบ้าน จิ้งเหลนเรียวท้องเหลือง จิ้งเหลนภูเขาเกล็ดเรียบ งูปล้องฉนวนบ้าน งูสายม่านเกล็ดใต้ตาใหญ่ งูปลิง งู
เขียวหางไหม้ท้องเหลือง และงูแสงอาทิตย์
แม้จะมีรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินที่หลากหลาย แต่ก็ยังคงมีความหลากหลายของถิ่นที่อยู่อาศัยย่อยน้อยกว่า
พื้นที่ธรรมชาติ ผนวกกับการมีกิจกรรมของมนุษย์เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงสภาพนิเวศไปเพื่อ
การเพาะปลูก ซึ่งอาจท้าให้สัตว์เลื้อยคลานบางชนิดสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น กิ้งก่าเขียวที่พบเฉพาะในพื้นที่ป่า
(Chan-ard et al., 2015) กิ้งก่าแก้ว ที่ต้องการสภาพนิเวศที่ค่อนข้างทึบ จึงอาศัยอยู่บริเวณป่าและชายป่าที่มีการปก
คลุมจากเรือนยอด และจิ้งเหลนภูเขาเกล็ดเรียบ ที่พบเฉพาะพื้นที่ป่าและพื้นที่ชายป่า โดยมักหากินอยู่ใกล้กับแหล่งน้้า
(Das, 2010) ตุ๊กแกป่าคอขวั้น และตุ๊กแกป่าเพชรบุรี ที่พบอาศัยอยู่บริเวณถ้้าเขาหินปูนในป่าที่มีการบุกรุก และก้าลัง
ฟื้นฟู และป่าดิบชื้น (Das, 2010; Chan-ard et al., 2015; Grismer et al., 2016) เป็นต้น ผนวกกับการก้าจัด
สัตว์เลื้อยคลานบางกลุ่มออกไปจากพื้นที่ โดยเฉพาะสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่มงู ซึ่งมีประโยชน์ในการควบคุมประชากรหนู
ในระบบนิเวศ แต่ก็มักถูกก้าจัดด้วยทัศนคติที่ไม่ดีและการขาดความรู้ความเข้าใจ และอาจส่งผลต่อประชากรงูในพื้นที่
ให้มีจ้านวนลดลงและสูญหายไปจากพื้นที่ได้
แต่อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เพื่อการเกษตรก็ส่งผลดีต่อสัตว์เลื้อยคลาน เช่น แย้ใต้ (Leiolepis
belliana) ที่มีพฤติกรรมออกจากรูและหากินตามพื้นที่โล่งในเวลากลางวัน ดังนั้นจึงพบแย้ใต้เฉพาะในพื้นที่โล่ง เช่น
สวนมะพร้าวที่ถูกถางจนโล่งเตียน หรือพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ชายป่า ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ Aranyavalai
(2003) ที่ระบุว่าแย้ใต้จะอาศัยอยู่ในพื้นที่โล่ง ซึ่งเหมาะต่อการอาบแดด และสามารถวิ่งหนีผู้ล่าได้ดี ท้าให้พื้นที่ป่าซึ่งมี
พรรณพืชขึ้นหนาแน่นไม่เหมาะสมต่อการอาศัยของแย้ใต้
ส้าหรับงูปลิง (Hypsiscopus plumbea) มักมีถิ่นอาศัยที่สัมพันธ์กับแหล่งน้้า โดยกินปลาและสัตว์สะเทินน้้า
สะเทินบกเป็นอาหาร จึงพบอาศัยในพื้นที่เกษตรกรรมที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้้าอย่างนาข้าว ซึ่งสอดคล้องกับ Murphy (2007)
ที่ระบุว่างูปลิงมักมีแหล่งอาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งน้้า หรือตามพื้นที่ชุ่มน้้า และมีพฤติกรรมซุ่มในโคลนเพื่อโจมตีเหยื่อ
สภาพนิเวศที่พบสัตว์เลื้อยคลานในบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์
ส้าหรับบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่มีความหลากชนิดของสัตว์เลื้อยคลานน้อยที่สุด โดยพบ ทั้งหมด 7 ชนิด
คือ กิ้งก่าหัวแดง ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกหางแบนเล็ก จิ้งจกหางหนาม จิ้งเหลนหลากลาย จิ้งเหลนบ้าน และงูเขียวหางไหม้
ท้องเหลือง อาจเนื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพนิเวศเพื่อให้เหมาะสมต่อการด้ารงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งท้าให้สัตว์เลื้อยคลาน
บางชนิดสูญเสียแหล่งที่อยู่ (McKinney, 2008) เช่น สัตว์เลื้อยคลานในกลุ่มงูที่มักไม่เข้ามาใช้พื้นที่ในลักษณะนี้
เนื่องจากมีการปรับให้โล่งเพื่อท้ากิจกรรม การมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และมีกิจกรรมตลอดทั้งวัน เป็นส่วนหนึ่งที่ท้าให้สัตว์
ถูกรบกวน แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลดีต่อสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่มจิ้งจกและตุ๊กแกบางชนิด ได้แก่ จิ้งจกหางแบนเล็ก
จิ้งจกหางหนาม และตุ๊กแกบ้านที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนได้ดีและออกหากินในเวลากลางคืน ซึ่งมนุษย์มี
กิจกรรมน้อยกว่าในเวลากลางวัน โดยสัตว์ในกลุ่มดังกล่าวได้รับประโยชน์จากหลอดไฟข้างถนนและหลอดไฟตาม
บ้านเรือนที่ช่วยดึงดูดแมลงเข้ามาท้าให้บริเวณใกล้กับหลอดไฟเป็นแหล่งหาอาหารที่ดีส้าหรับสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่มนี้
ซึ่งสอดคล้องกับ Lauhachinda (2009)
การศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาสภาพนิเวศที่พบสัตว์เลื้อยคลาน พบว่าสอดคล้องกับ Chuaynkern (2001) ที่
ศึกษาความหลากชนิดของสัตว์สะเทินน้้าสะเทินบกและเลื้อยคลานที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว ที่พบ
ความหลากชนิดของสัตว์เลื้อยคลานในพื้นที่ป่ามีมากกว่าพื้นที่ทุ่งหญ้า ซึ่งพื้นที่ธรรมชาติส่วนใหญ่ในการศึกษาครั้งนี้มี
สภาพเป็นหย่อมไม้ธรรมชาติ โดยเป็นพรรณพืชของป่าดิบชื้นและป่าดิบแล้งเป็นหลัก แต่เป็นไปในทางตรงข้ามกับ
Sukprakarn (2003) ที่ศึกษาความหลากชนิดและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์สะเทินน้้าสะเทินบกและสัตว์เลื้อยคลานใน
อุทยานแห่งชาติน้้าตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี พบว่าพื้นที่เกษตรกรรมสวนยางพารามีความหลากชนิดของสัตว์เลื้อยคลาน
มากกว่าพื้นที่ป่า
วารสารสัตว์ป่าเมืองไทย ปีที่ 25 พ.ศ. 2561 Journal of Wildlife in Thailand Vol. 25, 2018