Page 178 -
P. 178
พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์ พันธุศาสตร์ประชากรกับการปรับปรุงพันธุ์
52 52
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อมีการผสมพันธุ์กันอย่างสุ่มในประชากร จะมีความถี่ของจีโนไทป์ที่เกิดขึ้นดังนี้ เมื่อมีการผสมพันธุ์กันอย่างสุ่มในประชากร จะมีความถี่ของจีโนไทป์ที่เกิดขึ้นดังนี้
พ่อ พ่อ บทที่ 7 กำรศึกษำควำมแปรปรวนของประชำกรโดยใช้เครื่องหมำยโมเลกุล 171
บทที่ 7 การศึกษาความแปรปรวน
171
. . . . . . . . ของประชากรโดยใช้เครื่องหมายโมเลกุล
แม่ แม่
A1A2 A2A2
2
A1A1
2
. . 0.1678AABB 0.1678AABB 0.0944AABb 0.0944AABb genotype 0.0531AaBb 0.0531AaBb p q p +q
0.0944AaBB 0.0944AaBB
. . 0.0944AABb 0.0944AABb ͲǤͲͷ͵ͳAAbb ͲǤͲͷ͵ͳAAbb 0.0299Aabb 0.0299Aabb
0.0531AaBb 0.0531AaBb
Pop. 1 10 40 50 0.3 0.7 0.58
0.0531aaBB 0.0531aaBB
. . 0.0944AaBB 0.0944AaBB 0.0531AaBb 0.0531AaBb 0.0299aaBb 0.0299aaBb
. . 0.0531AaBb 0.0531AaBb 0.0299Aabb 0.0299Aabb 0.0299aaBb 0.0299aaBb 0.0168aabb 0.0168aabb
Pop. 2 20 20 60 0.3 0.7 0.58
20 30 50 0.35 0.65 0.545
0.1678AABB 0.1887 AABb0.1678AABB 0.1 Pop. 3 0.0531AAbb887 AABb 0.0531AAbb
ความถี่ของจีโนไทป์ในรุ่นลูก ความถี่ของจีโนไทป์ในรุ่นลูก = [ 0.2123AaBb0.2123AaBb 0.0597Aabb]
0.0597Aabb]
=
[0.1887AaBB0.1887AaBB
2
2
0.0597 aaBb0.0597 aaBb
0.0531aaBB0.0531aaBB h = 1/3(0.3 + 0.2 + 0.1) = 0.20 และ s = 3 ผลรวม p + q = 1.705
0.0168aabb0.0168aabb
2
O
2
h =1/3(0.3+0.2+0.1) = 0.20 s = 3 ผลรวม p +q =1.705
̃
O 1/n = 0.03 n ̃ = 33.33
การทดสอบประชากรที่อยู่ในสภาวะสมดุล การทดสอบประชากรที่อยู่ในสภาวะสมดุล 1/ñ = 0.03 ñ = 33.33
h S = 0.442
h
2
2
]
นิยมใช้การทดสอบค่าด้วยวิธีไคสแควร์ (Chi-square) จากสูตรนิยมใช้การทดสอบค่าด้วยวิธีไคสแควร์ (Chi-square) จากสูตร 2 n 1 [ (O i −E )(O = 0.442 = 0.189
)
n
S 2
s
2 i i −E i
= ∑= ∑
[
[ x ] ]
i=1
i=1
E i
1
2
ij
∑[ ∑ x ] ij E i = 0.189 = 0.814
s h
ก าหนดให้ ก าหนดให้ T
h g = 0.814 = 0.457 จะเห็นว่ามีความแตกต่างระหว่างประชากรสูง
T
ST
= 0.457 จะเห็นว่ำมีควำมแตกต่ำงระหว่ำงประชำกรสูง
= ค่าไคสแควร์ ค่าไคสแควร์
= g โดยค่า harmonic mean ค�านวณจาก
2
2
ST
i = ค่าที่ได้จากการทดลองของลักษณะที่ i ค่าที่ได้จากการทดลองของลักษณะที่ i
i =
O O โดยค่ำ harmonic mean ค ำนวณจำก
1
1 1 1
= + +
̃ n
i = ค่าที่คาดหมายของลักษณะที่ i ค่าที่คาดหมายของลักษณะที่ i
i =
E E 1 1 n n n 1 3 + 1
1
1 2
1
n 1 1
n 2 1
+
= + +
n
n = จ านวนลักษณะที่ท าการทดสอบ จ านวนลักษณะที่ท าการทดสอบ n ̃ ̃ n = 100 100 100 n 3
=
1 1 1 1 1
=
และเมื่อท าการค านวณไคสแควร์แล้วเปรียบเทียบกับตารางไคสแควร์ พบว่า ถ้าและเมื่อท าการค านวณไคสแควร์แล้วเปรียบเทียบกับต ารางไคสแควร์ พบว่า ถ้าประชากรมีค่าไคส 3 100 + 100 + 100
=
ประชากรมีค่าไคส
̃ n
100
n ̃
แควร์ที่น้อยกว่าค่าไคสแควร์ที่เปิดจากตารางแปลว่า ประชากรจะอยู่ในสมดุล แควร์ที่น้อยกว่าค่าไคสแควร์ที่เปิดจากตารางแปลว่า ประชากรจะอยู่ในสมดุล 3n = 100 100
3
n ̃ ̃
1
=
= 100
̃
n = ต้น
จากตัวอย่างในประชากรที่มียีนควบคุม 1 ยีน ประกอบด้วยลักษณะที่ปรากฏดอกสีแดง (AA) 20 ต้น จากตัวอย่างในประชากรที่มียีนควบคุม 1 ยีน ประกอบด้วยลักษณะที่ปรากฏดอกสีแดง (AA) 20 3 100
3ñ
ดอกสีชมพู (Aa) 70 ต้น และดอกสีขาว (aa) 110 ต้น ท าการตรวจสอบความถี่ของจีโนไทป์ว่าเป็นไปตามดอกสีชมพู (Aa) 70 ต้น และดอกสีขาว (aa) 110 ต้น ท าการตรวจสอบความถี่ของจีโนไทป์ว่าเป็นไปตาม 100
= 33.333
ñ
=
ความถี่ของกฎฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กหรือไม่ ความถี่ของกฎฮาร์ดี-ไวน์เบิร์กหรือไม่ 3
(2) กำรวัดควำมแตกต่ำงระหว่ำงประชำกรด้วยยีนหลำยต�ำแหน่ง (G )
͵͵Ǥ͵͵͵
ñ
=
ST
ก าหนดให้ p คือ ความถี่ของยีน A และ q คือความถี่ของยีน a ก าหนดให้ p คือ ความถี่ของยีน A และ q คือความถี่ของยีน a (2) กำรวัดควำมแตกต่ำงระหว่ำงประชำกรด้วยยีนหลำยต ำแหน่ง (G )
เป็นการบอกสัดส่วนของความหลากหลายทางพันธุกรรมระหว่างประชากร ซึ่งวัด
ST
เป็นกำรบอกสัดส่วนของควำมหลำกหลำยทำงพันธุกรรมระหว่ำงประชำกร ซึ่งวัดควำม
ความแตกต่างระหว่างประชากรโดยใช้ยีนหลายต�าแหน่ง
1
1 1 110+ (70)110+ (70)
1
20+ (70)20+ (70)
∴ ความถี่ของยีน A = ∴ ความถี่ของยีน A = 2 2 = 0.275 และ ความถี่ของยีน a = = 0.275 และ ความถี่ของยีน a = 2 2 = 0.725 = 0.725
แตกต่ำงระหว่ำงประชำกรโดยใช้ยีนหลำยต ำแหน่ง
200 200 200 200
จากการค านวณจ านวนต้นที่มีจีโนไทป์ตามกฎฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ซึ่งค านวณความถี่ของยีนได้ดังนี้ จากการค านวณจ านวนต้นที่มีจีโนไทป์ตามกฎฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ซึ่งค านวณความถี่ของยีนได้ดังนี้
จ านวนต้นที่มีจีโนไทป์ AA ตามค่าที่คาดหมาย
จ านวนต้นที่มีจีโนไทป์ AA ตามค่าที่คาดหมาย = p × 200 = p × 200 = (0.275) × 200 = (0.275) × 200
2
2
2
2