Page 108 -
P. 108
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รูปแบบธุรกิจดั้งเดิมในที่นี้หมายถึง ระบบที่เกษตรกรแต่ละรายรายแยกกันขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่มา
รับซื้อหรือนําไปขายให้พ่อค้าที่ตลาดรับซื้อ โดยเกษตรกรไม่มีการรวมกลุ่มกัน ดังเช่น กรณีของเกษตรกรผู้ปลูก
มะม่วงในพื้นที่บ้านป่ากลางที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจ เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงในบ้านสบเป็ดปัญหาหลักของ
เกษตรกรรายย่อยในพื้นที่สูงภายใต้รูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมนี้คือการที่เกษตรกรมีอํานาจในการต่อรองในการขาย
ผลผลิตต่ํา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องในหลายๆ ด้าน เช่น ทําให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาต่ําและมีรายได้น้อย
เกษตรกรเป็นผู้รับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและปริมาณผลผลิตทําให้ขาดความมั่นคงในการทํา
การเกษตร ส่งผลให้เกษตรกรไม่ค่อยให้ความสําคัญกับประเด็นทางสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ใช้สารเคมีจํานวนมากและ
บุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อให้สามารถผลิตผลผลิตได้มากพอและกระจายความเสี่ยงกรณีผลผลิตเสียหายซึ่งอาจเกิดจาก
ภัยธรรมชาติและปัจจัยอื่นๆ ด้วยเหตุผลนี้ทําให้เกษตรกรยังไม่สามารถหันออกจากการปลูกพืชไร่เชิงเดี่ยวเช่น
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเน้นการปลูกให้ได้ปริมาณมากแต่ต้องการการดูแลน้อย ต้นทุนการจัดการขายผลผลิตต่ําเมื่อ
เทียบกับการปลูกพืชหลายชนิดซึ่งต้องติดต่อพ่อค้าหลายราย และมีตลาดแน่นอน(ดูคอลัมน์ขวาสุดในรูปที่ 4.4
ประกอบ)
จากการศึกษาพบว่า ปัญหาของรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมมีจุดเริ่มต้นจากข้อจํากัดสําคัญที่เกษตรกรใน
พื้นที่สูงเผชิญซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็น (คอลัมน์ซ้ายสุดในรูป 4.4) ได้แก่
1) ข้อจํากัดเชิงพื้นที่ ได้แก่ การที่พื้นที่สูงส่วนใหญ่เป็นที่ลาดชัน ไม่มีระบบชลประทานที่ทั่วถึง
การเกษตรในพื้นที่สูงจึงพึ่งพิงน้ําฝนเป็นหลัก ทําให้สามารถเลือกปลูกพืชได้บางชนิดและในบาง
ฤดูกาลเท่านั้น นอกจากนี้พื้นที่สูงเกือบทั้งหมดอยู่ห่างไกลจากตลาด มีต้นทุนในการขนส่งสูง ทําให้มี
พ่อค้าเข้ามารับซื้อสินค้าไม่มาก
2) ข้อจํากัดด้านเกษตรกรเอง ได้แก่ การที่เกษตรกรส่วนใหญ่ขาดความรู้ด้านทางเลือกพืชที่เหมาะสม
ขาดเงินทุนในการแปรรูปหรือรักษาผลผลิต ขาดความรู้ในการบริหารจัดการผลผลิตและการรักษา
คุณภาพ และขาดข้อมูลด้านการตลาดของผลผลิต เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการใน
ตลาดปลายทาง
3) ข้อจํากัดเชิงสถาบัน ได้แก่ การที่เกษตรกรในพื้นที่สูงเกือบทั้งหมดไม่มีสิทธิการถือครองที่ดินที่มั่นคง
และชัดเจน พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเปราะบางทางนิเวศ
ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้กฎหมายป่าไม้ ทําให้เกิดความขัดแย้งและความไม่มั่นคงในการทํามาหากินของ
เกษตรกร
ข้อจํากัดทั้ง 3 ด้านนี้ เป็นปัจจัยสําคัญที่ส่งผลต่อลักษณะพืชที่เกษตรกรเลือกปลูก/ลักษณะการผลิตและ
ลักษณะตลาดและพ่อค้า โดยพบว่าในพื้นที่สูงส่วนใหญ่เกษตรกรเลือกปลูกพืชทั่วไปที่ไม่ได้มีจุดเด่น ผลผลิตในพื้นที่
คล้ายคลึงกันเนื่องจากปลูกตามเพื่อนบ้าน ผลผลิตเก็บรักษาได้ไม่นาน และมักจะปลูกพืชไร่ที่ต้องการการดูแลน้อย
เนื่องจากเกษตรกรต้องการปลูกในพื้นที่กว้างเพื่อให้ได้ผลผลิตจํานวนมาก ในส่วนของตลาดและพ่อค้าพบว่า พ่อค้า
4-37