Page 7 -
P. 7

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






                    พืชเศรษฐกิจที่ ค่าเฉลี่ยความ         ช่วง         ค่าเฉลี่ยความ             ช่วง
                        ส้าคัญ       ต้องการใช้น้้า   (ลบ.ม./ไร่)     ต้องการใช้น้้า     (ลบ.ม./ตันผลผลิต)

                                      (ลบ.ม./ไร่)                   (ลบ.ม./ตันผลผลิต)

                  ถั่วเหลือง              500         451 – 549           1,755            1,581 – 2,011
                  ถั่วเขียว               275         229 – 367           2,588            2,045 – 3,989

                  มะพร้าว                2,170      2,096 – 2,227         2,366            2,074 – 2,666
                  สัปปะรด                2,170      2,099 - 2,227          682               611 - 783

                  ถั่วลิสง                509         460 - 556           2,121            1,742 – 2,780
                  หมายเหตุ:  *ค่าเฉลี่ยความต้องการใช้น้้าต่อตันผลผลิตปาล์มน้้ามัน  1,105  ลบ.ม./ตันค้านวณมาจากค่าเฉลี่ยไม่นับ

                  รวมภาคตะวันภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือที่เพิ่งเริ่มปลูกปาล์มน้้ามันในระยะแรกซึ่งยังไม่มีการให้ผล
                  ผลิตหรือมีผลผลิตที่ต่้าอยู่ ขณะที่อีกค่าหนึ่งคือ 2,195 ลบ.ม./ตัน เป็นค่าเฉลี่ยนับรวมทุกภาค


                  2.2   ความต้องการใช้น้้า Blue  water  ของพืชอาหาร อาหารสัตว์ และพลังงานที่ส้าคัญของ
                        ประเทศไทย


                         ตารางที่ 3 แสดงผลเปรียบเทียบความต้องการใช้น้้า Blue  water  หรือ ความต้องการใช้น้้า
                  ชลประทานส้าหรับการปลูกพืชแต่ละชนิด ซึ่งจัดเป็นประเด็นที่ส้าคัญในมุมมองของอุทกวิทยา และ

                  เป็นข้อมูลที่จ้าเป็นส้าหรับการบริหารจัดการทรัพยากรน้้าโดยเฉพาะช่วงหน้าแล้ง โดยผลการประเมิน
                  ชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้น้้าชลประทานต่อตันผลิตภัณฑ์ของพืชแต่ละชนิด ซึ่งมีความแตกต่างกัน

                  ไปในแต่ละพื้นที่เพาะปลูก โดยพบว่า การปลูกพืชเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ข้าวนา
                  ปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และอ้อย มีค่าความต้องการใช้น้้าชลประทานค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับภาค

                  อื่นๆ ซึ่งหมายถึงว่า เมื่อเทียบกับปริมาณน้้าฝนใช้การที่มีอยู่ปัจจุบันยังไม่พอเพียงกับความต้องการ
                  ใช้น้้าของพืชในทางทฤษฎี จึงมีความจ้าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขยายพื้นที่ชลประทานในภาค

                  ตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้้าของพืช รวมถึงเพื่อให้เกิดการพัฒนา
                  ประสิทธิภาพด้านการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงาน เช่น ปาล์ม

                  น้้ามันซึ่งมีความต้องการใช้น้้าสูง การขยายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้้ามันไปในภาคอื่นๆ เช่น ภาคเหนือ
                  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจึงมีความจ้าเป็นที่จะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมด้านปริมาณน้้าฝน

                  และระบบชลประทาน เพราะความต้องการน้้าชลประทานที่สูงย่อมน้าไปสู่ต้นทุนการเพาะปลูกพืชที่
                  สูงขึ้นด้วย  แต่อย่างไรก็ตามค่าปริมาณการใช้น้้าจริงๆ ของพืชหลายชนิด เช่น อ้อย และมันส้าปะหลัง

                  จะมีค่าต่้ากว่าค่าความต้องการใช้น้้าชลประทานที่แสดงในตารางที่ 3 เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการปลูก
                  ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน










                                                                                                         ๓
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12