Page 132 -
P. 132
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สมมุติว่าเป็นจุดรวมของสิ่งที่เรียกว่าความคิด รวมกันเข้าแล้วเกิดปรุง
แต่งกันขึ้นในรูปต่างๆ อันนี้คือวิถีทางของมัน สิ่งที่มากระทบนั้นจะ
ทำให้เกิดอะไรขึ้นก็ได้ เช่น รูปมากระทบตา เมื่อเกิดความรู้ทางตา
แล้ว ตารู้ ความรู้ทางตาสามอย่าง มารวมตัวกันเข้าก็เกิดเป็นผัสสะ
ผัสสะ แปลว่า การรวมของสิ่งสามอย่าง ต่อจากผัสสะก็เกิดความรู้สึก
เรียกว่า เวทนา ที่เราพูดกันอยู่บ่อยๆ
เราสวดมนต์ก็ว่า เวทนา อนิจจา สัญญา อนิจจา เวทนา
ไม่เที่ยง เวทนาเป็นอนัตตาด้วย เกิดเวทนาคือเกิดความรู้สึก รู้สึก
อย่างไร รู้สึกชอบใจ เรียกว่า สุขเวทนา รู้สึกไม่พอใจเรียกว่า
ทุกขเวทนา ถ้าเฉยๆ ก็เป็นอทุกขมสุขเวทนา คือความรู้สึกที่ไม่สุข
แล้วก็ไม่ทุกข์ มันก็เกิดขึ้นอย่างนี้
ทีนี้มันไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อเกิดความรู้สึกว่าเป็นสุขแล้ว ก็
เกิดตัณหา คืออยากจะให้สิ่งนั้นอยู่กับเราต่อไป เช่น เราได้เห็นรูปเกิด
ความรู้ทางตา แล้วความรู้ทางตาก็เกิดผัสสะ ผัสสะแล้วก็เกิดชอบใจ
คือเวทนา พอเกิดเวทนาก็เกิดตัณหาคืออยากจะให้รูปนั้นอยู่ในสายตา
เราต่อไป ไม่อยากให้รูปนั้นลับหายไปจากตา อันนี้เรียกว่าเกิดตัณหา
คือความหลงในรูปนั้น แล้วความอยากนั้นมันอยู่นานๆ มันก็เรียกว่า
ป า ฐ ก ถ า ธ ร ร ม : ปั ญ ญ า นั น ท ภิ ก ขุ 131