Page 29 -
P. 29

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



                            คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์           Faculty of Agriculture, Kasetsart University


                     2.  ผลผลิตของพันธุ์ สุวรรณ 4452 เปรียบเทียบกับพันธุ์ส่งเสริม
                     จากผลการทดสอบพันธุ์ในแหล่งปลูกข้าวโพดต่างๆ ในช่วง 4 ปี (พ.ศ. 2543-2546) พบว่า พันธุ์สุวรรณ
               4452 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,151-1,430 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์สุวรรณ 3851 (21.7%), ลูกผสมเดี่ยวพันธุ์ CP-DK
               888 (27.4%), ลูกผสมเดี่ยวพันธุ์นครสวรรค์ 72 (23.8%) และพันธุ์สุวรรณ 1 (รอบคัดเลือกที่ 11, 12 และ

               13) (38.4%) จากจ�านวน 118 (4 ปี), 76 (4 ปี), 49 (3 ปี) และ 29 (3 ปี) การทดลอง ตามล�าดับ
                     3. เสถียรภาพในการให้ผลผลิตของพันธุ์ สุวรรณ 4452 ในสภาพแวดล้อมต่างๆ
                     ผลการตรวจสอบเสถียรภาพ (stability) ในการให้ผลผลิตของพันธุ์สุวรรณ 4452 ในสภาพแวดล้อมต่างๆ

               รวม 34 การทดลอง เป็นเวลา 2 ปี (พ.ศ. 2544-2545) โดยพิจารณาจากค่าสัมประสิทธิ์รีเกรซชัน (regression
               coefficient, b) และค่าเบี่ยงเบนจากรีเกรซชัน (deviations from regression, S d) ตามวิธีการของ Eberhart
                                                                                    2
               and Russell (1966) พันธุ์ที่มีเสถียรภาพต้องให้ค่า b = 1.0 และให้ค่า S d = 0 พันธุ์ที่ให้ค่า b < 1 และ b > 1
                                                                            2
               เป็นพันธุ์ที่ปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เลวและดี ตามล�าดับ พบว่า พันธุ์ สุวรรณ 4452 ให้ค่า b อยู่ในช่วง
               (0.83 - 1.12) แสดงให้เห็นว่า พันธุ์นี้มีแนวโน้มสามารถปรับตัวได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เลวถึงดี

                     4. ลักษณะทางเกษตรของพันธุ์ สุวรรณ 4452 เปรียบเทียบกับพันธุ์ส่งเสริม
                     ผลการศึกษาลักษณะทางเกษตรต่างๆ ในสภาพแวดล้อมต่างๆ รวม 49 การทดลอง ในปี พ.ศ. 2544-
               2546 พบว่า พันธุ์ สุวรรณ 4452 มีลักษณะทางเกษตรส่วนใหญ่ดีกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ มีอายุวันสลัดละออง

               เกสร 50% 54 วัน วันออกไหม 50% 54 วัน ความสูงต้น 217 ซม. ความสูงฝัก 130 ซม. ต้นล้ม 5.8%
               ต้นหัก 5.1% ต้านทานโรคราน�้าค้าง และโรคทางใบโดยเฉพาะโรคราสนิม และโรคใบไหม้แผลเล็ก แต่ทนทาน
               ต่อโรคใบไหม้แผลใหญ่ มีฝักเน่า 5.9% จ�านวนฝัก/ต้น 95.3% และเปอร์เซ็นต์กะเทาะเมล็ด 81.9% นอกจากนี้
               พันธุ์ สุวรรณ 4452 ยังมีลักษณะใบตั้ง สีเขียวเข้ม ล�าต้นและช่อดอกสีม่วง เมล็ดสีส้มเหลืองหัวแข็ง มี 16 แถว
               มีจ�านวนเมล็ด 38 เมล็ด/แถว น�้าหนัก 1,000 เมล็ด 310.14 กรัม จากผลการทดสอบความต้านทานโรค

               ราน�้าค้างในแปลงระบาดเทียมในปี พ.ศ. 2544 และ 2545 พบว่า พันธุ์ สุวรรณ 4452 เป็นโรคราน�้าค้างเฉลี่ย
               1.48% น้อยกว่าพันธุ์สุวรรณ 3851 ซึ่งเป็นโรคราน�้าค้าง 2.05% และจากการประเมินระดับการเกิดโรคราสนิม
               ตามธรรมชาติในการทดสอบพันธุ์ข้าวโพดไร่ที่ดีเด่นในไร่กสิกร ที่บ้านเกาะลอย อ�าเภอด่านขุนทด จังหวัด

               นครราชสีมา ในปลายฤดูฝน พ.ศ. 2545 พบว่า พันธุ์สุวรรณ 4452 ต้านทานในระดับดีมาก และจากการ
               ประเมินระดับการเกิดโรคกาบและใบไหม้ (banded leaf and sheath blight, Rhizoctonia solani)
               ตามธรรมชาติ ในการสอบพันธุ์ข้าวโพดลูกผสมกึ่งการค้าในไร่กสิกร  ที่บ้านคลองเดื่อ ต�าบลหมูสี
               อ�าเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ในปลายฤดูฝน พ.ศ. 2545 พบว่า พันธุ์สุวรรณ 4452 ต้านทานปานกลาง
               นอกจากนี้ พันธุ์สุวรรณ 4452 ยังต้านทานต่อโรคไวรัสใบด่างอ้อย (sugarcane mosaic virus) ที่ระบาด

               ตามธรรมชาติ ในข้าวโพดพันธุ์ต่างๆ ที่จ�าหน่ายเป็นการค้า ในฤดูแล้ง ปี 2547 ที่ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่าง
               แห่งชาติ โดยมีเปอร์เซ็นต์ต้นเป็นโรค 3.36% ในขณะที่พันธุ์สุวรรณ 3851 และพันธุ์ CP-DK 888 มีต้นเป็นโรค
               ร้อยละ 22.58 และ 32.43 ตามล�าดับ

                     จากการประเมินความทนทานแล้งของข้าวโพดลูกผสมจ�านวน 36 พันธุ์ โดยให้ขาดน�้าเมื่อข้าวโพด
               ออกไหมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า พันธุ์สุวรรณ 4452 ให้ผลผลิตในสภาพแล้ง และในสภาพให้น�้าปกติมากกว่า
               พันธุ์นครสวรรค์ 72 อย่างมีนัยส�าคัญ โดยให้ผลผลิตในสภาพแล้งและสภาพปกติ 765 และ 1,511 กก./ไร่
               ตามล�าดับ ในขณะที่พันธุ์ CP-DK 888 และนครสวรรค์ 72 ให้ผลผลิตในสภาพแล้ง 366 และ 422 กก./ไร่
               และในสภาพปกติ 1,322 และ 1,108 กก./ไร่ ตามล�าดับ









                                                                      ครบรอบ 72 ปี คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หน้า 25
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34