Page 35 -
P. 35
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
15
วัดโพธิ์ท่าเตียน ที่มีการสอนและการเผยแพร่วิชาแพทย์แผนไทย ให้คนไทยได้เรียนรู้เพื่อนําไปใช้ใน
ชีวิตประจําวันและเพื่อการประกอบวิชาอาชีพและยังคงเป็นศาสตร์ที่มีคุณค่าอยู่กระทั่งทุกวันนี้
2. วัฒนธรรมความเป็นอยู่อย่างไทย (Thai Culture of Living) คนไทยมีวิถีความเป็นอยู่
ที่รักอิสรภาพ หรือ ความเป็นไทย ไม่ชอบการอยู่ในอํานาจบังคับของผู้อื่น ไม่ชอบการกดขี่ ไม่ชอบการ
ควบคุมเข้มงวด หรือให้ผู้อื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวสั่งการในรายละเอียดของการดําเนินชีวิตส่วนตัวและการทํางาน
คนไทยเป็นคนที่หยิ่งและรักศักดิ์ศรีของตนเอง ดังนั้น การบังคับนํ้าใจกันหรือฝ่าฝืนความรู้สึกของกัน
และกันถือว่าเป็นสิ่งไม่ควรทํา แต่ในขณะเดียวกัน คนไทยก็มีนิสัยเอื้ออาทรและมีนํ้าใจ เช่นคํากล่าวที่ว่า
“ใครมาถึงเรือนชานให้ต้อนรับ” ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
2.1 การเป็นอยู่แบบครอบครัวขยาย คือ การอยู่อาศัยของคนไทยในสมัยก่อน เมื่อมีการแยกเรือน
ก็ยังคงอยู่ในชายคาเดียวกันกับพ่อแม่ หรือ อยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน มีการดูแลส่งข้าวปลาอาหารให้แก่
กัน มีการสอนสั่งให้เคารพผู้ใหญ่ ให้เกียรติตามฐานะสูงตํ่าของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บรรพบุรุษจึงได้รับการ
นับถือจากลูกหลานที่ต้องเลี้ยงดูและให้ความเคารพ สิ่งนี้ยังสะท้อนให้เห็นปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้
โดยการเรียกขานผู้อื่นด้วยสรรพนามที่แสดงความเคารพตามวัยวุฒิ เช่น มีการเรียกขานคําสรรพนามว่า
ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา น้อง ลูก หลาน ตามความเหมาะสมของการให้การนับถือต่อกัน
2.2 คนไทยอยู่อย่างพอเพียง อยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกัน โดยการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือ
ของ 3 ประสาน คือ “บ้าน วัด และโรงเรียน” เรียกว่า “บวร” เริ่มจากที่บ้าน คือ ครอบครัวไทยต้องอบรม
เลี้ยงดูบุตรหลาน ดั่งคํากล่าวที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” ในวิถีไทยมีการดูแลพระพุทธศาสนาและถูก
สอนให้แบ่งปัน ทุกเช้าจึงมีการใส่บาตรพระสงฆ์ด้วยข้าวปลาอาหารเป็นการสอนและหล่อหลอมความคิด
ลูกหลานในบ้านให้รู้จักการให้ ครั้นถึงเทศกาลงานบุญประเพณีต่าง ๆ ลูกหลานในบ้านจะเคยชินกับการ
ไปทําบุญที่วัด ในลักษณะที่ว่า “วัดและบ้านพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน” คนสูงอายุจะเข้าวัดปฏิบัติธรรม
และสนทนาธรรมกับพระสงฆ์ ครั้นเมื่อลูกหลานในบ้านเติบโตขึ้นก็จะถูกส่งไปโรงเรียน ซึ่งก่อนนั้น
โรงเรียนเริ่มต้นที่วัด
2.3 ความเอื้อเฟื้อและความอาทรต่อกัน ในวิถีความเป็นอยู่อย่างไทยที่พ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย ให้
ความสําคัญกับการเข้าวัดฟังธรรมะ การถูกสอนให้มีเมตตา รักกัน และมีความกรุณาต่อเพื่อนมนุษย์เป็น
สิ่งที่ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงการที่ผู้ใหญ่ทําบุญ ปล่อยสัตว์ให้เห็นอยู่เนือง ๆ ในวิถีการ
ดํารงชีวิตการลงแขกช่วยงานกันและการช่วยงานบุญต่าง ๆ เช่น ช่วยงานบุญบวชนาค ช่วยงานแต่งงาน
และช่วยงานศพ เป็นวัฒนธรรมการเป็นอยู่ที่แสดงออกถึงความเอื้ออาทรต่อกันอย่างเป็นรูปธรรม