Page 18 -
P. 18

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
                                                             สหกรณ์ออมทรัพย์                 เครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม


           ลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลอื่น ไม่ใช่เจ้าของกิจการ ในทางตรงกันข้าม การดำาเนินงานของ              6) หน้าที่ของเงินทุน (หุ้น) ในขณะที่หุ้นในบริษัททำาหน้าที่ให้กับผู้เป็น

           สหกรณ์ ไม่ได้มุ่งแสวงหากำาไร แต่มุ่ง “จัดบริการที่ดีกว่า” ให้กับผู้ใช้บริการ      เจ้าของถึง 3 ประการคือ ให้ดอกเบี้ย ให้กำาไร และให้อำานาจในการควบคุมกิจการ
           (ลูกค้า) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิก หรือเจ้าของสหกรณ์ นั่นเอง การแสวงหากำาไรจึง       หุ้นของสหกรณ์จะทำาหน้าที่ให้เจ้าของเพียงอย่างเดียวคือให้ดอกเบี้ย (ในอัตรา

           ไม่ใช่เป้าหมายของสหกรณ์                                                           จำากัด) ซึ่งเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าสหกรณ์ให้ความสำาคัญกับเงินทุนน้อยกว่า

                  2) ความเป็นเจ้าของ จากที่กล่าวมาในข้อหนึ่งอาจกล่าวได้ว่าสหกรณ์             บริษัท
                                                                                                                       3
           เป็นองค์กรของผู้ใช้บริการ (ลูกค้า) ในขณะที่บริษัทเป็นองค์กรของผู้ลงทุน                    7) กำาไร (เงินส่วนเกิน)  ของกิจการและการจัดสรร ในกรณีของบริษัท
                                                                                             กำาไรเป็นของบริษัท คณะกรรมการของบริษัทเป็นผู้ตัดสินใจจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้น
                  3) ลักษณะการรวม บริษัทถือหลักการ “รวมทุน” เป็นสำาคัญ ใครก็ตาม

           ที่มีเงินย่อมจะเข้ามาถือหุ้นของกิจการได้ ส่วนสหกรณ์ถือเอาการ “รวมคน” เป็น         ตามส่วนแห่งการลงทุน แต่ในกรณีของสหกรณ์เงินส่วนเกินเป็นของสมาชิก ที่
           หลัก ทั้งนี้เพราะสมาชิกของสหกรณ์ส่วนใหญ่เป็นผู้มีทุนน้อย และสหกรณ์ถูกจัด          ประชุมใหญ่สมาชิกจะเป็นผู้พิจารณาจัดสรร โดยอาจจัดสรรเป็นทุนประเภทต่างๆ
           ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว ดังนั้นใครก็ตามที่มีคุณสมบัติตามข้อบังคับ    ของสหกรณ์ เป็นเงินปันผลแก่หุ้น (ในอัตราจำากัด) เป็นเงินเฉลี่ยคืนให้แก่สมาชิก

           ของสหกรณ์และสามารถใช้บริการของสหกรณ์ได้ ก็สามารถเข้าเป็นสมาชิกของ                 ตามส่วนที่สมาชิกแต่ละคนทำาธุรกิจกับสหกรณ์ (ทำาน้อยได้คืนน้อย ทำามากได้คืน
                                                                                             มาก) เป็นต้น
           สหกรณ์ได้ โดยไม่ได้คำานึงถึงฐานะทางเศรษฐกิจ
                                                                                                     8) การจัดการกับทรัพย์สินที่เหลืออยู่หลังจากเลิกกิจการ เมื่อเลิกกิจการ
                  4) หุ้นและราคาหุ้น ในการจัดตั้งบริษัท จำาเป็นต้องกำาหนดจำานวนทุนจด         ในกรณีของบริษัท หลังจากชำาระบัญชีแล้วหากยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่สามารถ

           ทะเบียนไว้แน่นอน และถ้ากิจการเจริญก้าวหน้าสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับหุ้น           นำามาแบ่งปันกันในหมู่ผู้ถือหุ้นได้ แต่ในกรณีของสหกรณ์ไม่สามารถทำาได้ ทั้งนี้
           ที่ถือได้สูง ก็จะจูงใจให้มีคนต้องการซื้อหุ้นของบริษัทมากขึ้น ราคาของหุ้นก็จะสูง   โดยทั่วไปจะกำาหนดให้โอนทรัพย์สินที่เหลือหลังชำาระบัญชีให้สหกรณ์อื่น ให้องค์กร

           ขึ้น ในทางตรงกันข้ามราคาของหุ้นก็จะลดลง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าราคาหุ้นของ          ศาสนา หรือองค์กรสาธารณประโยชน์ สำาหรับในกรณีของประเทศไทย พระราช
           บริษัทไม่แน่นอน ส่วนกรณีของสหกรณ์ กฎหมายเปิดโอกาสให้เพิ่มหุ้นได้อยู่ตลอด          บัญญัติ สหกรณ์ พ.ศ. 2542 ระบุให้โอนให้สหกรณ์อื่น หรือ สันนิบาตสหกรณ์แห่ง

           เวลา ไม่มีการจำากัด ดังนั้นราคาหุ้นของสหกรณ์จะคงที่ตลอดเวลา                       ประเทศไทย

                  5) การควบคุมการดำาเนินงาน ในกรณีของบริษัททุนจะเป็นตัวควบคุม                3   เนื่องจากลูกค้าหลักของสหกรณ์คือสมาชิกซึ่งเป็นเจ้าของสหกรณ์ ดังนั้นสหกรณ์จึงไม่แสวงหากำาไร
           การดำาเนินกิจการ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นมากจะมีสิทธิออกเสียงควบคุมธุรกิจได้มากตามไป       จากการทำาธุรกิจ (เป็นองค์กรไม่แสวงหากำาไร)  อย่างไรก็ตามในการดำาเนินธุรกิจย่อมมีค่าใช้จ่าย

           ด้วย (1 หุ้น 1 เสียง) และยังยอมให้ออกเสียงแทนกันได้ด้วย แต่สำาหรับสหกรณ์            ในการดำาเนินการเกิดขึ้น ดังนั้นเพื่อให้การดำาเนินการเป็นไปได้สหกรณ์จึงต้องตั้งราคาของสินค้า/
                                                                                               บริการไว้สูงกว่าราคาทุนที่ต้องจ่ายซื้อบริการนั้นเข้ามา ส่วนแตกต่างที่เกิดขึ้นนี้สหกรณ์ก็จะนำาไป
           การควบคุมกิจการจะยึดวิธีการแบบประชาธิปไตย คือ 1 คน 1 เสียง (ยกเว้นกรณี              ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำาเนินการ หากใช้ไม่หมดหรือมีเหลืออยู่สหกรณ์จะเรียกส่วนที่เหลือนั้นว่า

           ชุมนุมสหกรณ์ที่อาจดำาเนินการแบบอื่นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตย             “ส่วนเกิน” ซึ่งจะถูกจัดสรรไปเพื่อการพัฒนางานสหกรณ์ในอนาคต จัดสรรเป็นเงินปันผลแก่
                                                                                               ทุนเรือนหุ้น และถูกจัดสรรคืนให้แก่สมาชิกผู้จ่ายเกินมาจากที่ควรจะเป็นตามสัดส่วนแห่งการ
           เช่นกัน ซึ่งจักได้กล่าวถึงในภายหลัง) และไม่สามารถออกเสียงแทนกันได้                  ทำาธุรกิจ

         8                                                                                                                                                      9
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23