Page 135 -
P. 135
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
5-1
เรื่องที่ 5
นโยบายการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมและเหตุการณ์ที่ส าคัญ
จากการส ารวจดินของกรมพัฒนาที่ดินพบว่า ที่ดินที่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรมมีจ านวน 168.6 ล้านไร่
หรือร้อยละ 52.6 ของเนื้อที่ประเทศ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2531: 6) แต่พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเกษตรดังกล่าวได้มี
การเปลี่ยนแปลงไปใช้เพื่อกิจกรรมอื่นๆ จ านวนมาก เช่น ในช่วง พ.ศ. 2530-2532 โสภณ ชมชาญ (2538: 19)
ได้รายงานว่ามีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่เหมาะสมส าหรับการเกษตร ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร
เฉลี่ยปีละ 20,000 ไร่ ด้วยสาเหตุที่ว่าที่ดินที่เหมาะสมต่อการเกษตรมีจ ากัดแต่ประชากรเพิ่มขึ้นและจะส่งผลต่อ
ความมั่นคงทางอาหารของประเทศในอนาคต จึงได้มีนโยบายและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพื้นที่
เกษตรกรรมปรากฎตามล าดับเวลาดังนี้
วันที่ 19 มิถุนายน 2511 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
พ.ศ. 2511 มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ดังนี้
“มาตรา 8 ให้อธิบดีมีอ านาจอนุญาตให้สมาชิกนิคมเข้าท าประโยชน์ในที่ดินของ
นิคมตามก าลังแห่งครอบครัวของสมาชิกนิคมนั้น แต่ไม่เกินครอบครัวละห้าสิบไร่
มาตรา 9 สมาชิกนิคมจะต้องใช้ที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้เข้าท าประโยชน์ตาม
มาตรา 8 เฉพาะเพื่อท าการเกษตรตามระเบียบที่อธิบดีก าหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ถ้าจะท าการอย่างอื่นด้วย
ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดี”
วันที่ 18 กันยายน 2517 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. 2517 มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ดังนี้
“มาตรา 45 ห้ามมิให้เจ้าของที่ดินหรือผู้ได้รับสิทธิในที่ดินในเขตโครงการจัดรูป
ที่ดินใช้ที่ดินนั้นเพื่อประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม หรือท าการปลูกสร้างสิ่งใดๆ หรือท าการใดๆ
แก่ที่ดินนั้นอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การจัดรูปที่ดิน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก
คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัด
ในกรณีที่มีผู้ฝ่าฝืนความในวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดมีอ านาจ
สั่งให้ผู้ฝ่าฝืนรื้อถอน ท าให้คืนสู่สภาพเดิม หรืองดเว้นการกระท านั้นภายในระยะเวลาที่ก าหนดถ้าผู้ฝ่าฝืนไม่
ปฏิบัติตาม ให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดด าเนินการรื้อถอน หรือท าให้คืนสู่สภาพเดิมโดยผู้ฝ่าฝืนจะ
เรียกร้องค่าเสียหายมิได้ และต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนหรือท าให้คืนสู่สภาพเดิมนั้นด้วย
มาตรา 52 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 45 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท .”
วันที่ 5 มีนาคม 2518 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. 2518 มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ดังนี้
“มาตรา 39 ที่ดินที่บุคคลได้รับสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะท าการ
แบ่งแยก หรือโอนสิทธิในที่ดินนั้นไปยังผู้อื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม