Page 148 -

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

13-27

2. จัดตั้งคณะกรรมการบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ภายใต้

คณะกรรมการนโยบายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยมีหน้าที่ก ากับการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง โดยมี นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธาน ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

3. จัดตั้งส านักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยอยู่ภายใต้การก ากับ

ดูแลของส านักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อท าหน้าที่ก ากับติดตามการด าเนินงานของหน่วยงานเจ้าภาพใน
แต่ละสินทรัพย์ และดูภาพรวมการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และการปฏิรูปที่ดินรวมทั้งท าหน้าที่ฝ่าย

เลขานุการของคณะกรรมการนโยบายและคณะกรรมการบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยให้มี
ผู้อ านวยการส านักงานและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเต็มเวลา

วันที่ 11 มีนาคม 2546 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่าง

ความตกลงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐ
อาร์เมเนีย ว่าด้วยความร่วมมือทางการเกษตร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่

ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว ในโอกาสที่จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐอาร์เมเนียของ
ผู้แทนการค้าไทยและคณะ ระหว่างวันที่ 15-23 มีนาคม 2546 และให้ด าเนินการต่อไปได้ โดยให้รับ

ความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับความตกลง ฯ ฉบับภาษาไทยข้อ 2 ย่อหน้าที่

3 ควรใช้ค าว่า "เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค" แทนค าว่า "นักศึกษา" และในข้อ 3 ย่อหน้าที่ 3 ควรใช้ค าว่า
"ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค" แทนค าว่า "นักวิทยาศาสตร์ ผู้ร่วมงาน และผู้เชี่ยวชาญ" เพื่อให้

สอดคล้องกับความตกลงฯ ฉบับภาษาอังกฤษที่แก้ไข ไปประกอบการด าเนินการด้วย ทั้งนี้ การเสนอเรื่อง

ท านองนี้ในอนาคตให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดด าเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอให้
คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) พิจารณาก่อนน าเสนอคณะรัฐมนตรี

วันที่ 14 มีนาคม 2546 ได้มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งส านักงานพัฒนาการวิจัย

การเกษตร พ.ศ. 2546 ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 102 ตอนที่ 22 ถ
วันที่ 18 มีนาคม 2546 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอการปรับ

เพิ่มอัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ (Cess) ตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์การท าสวนยาง และให้
ด าเนินการต่อไปได้ ดังนี้ (1) อัตราการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ สัมพันธ์กับราคายาง (1.1) ราคายางไม่เกิน

กิโลกรัมละ 30 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 90 สตางค์ (อัตราปัจจุบัน) (1.2) ราคายางเกิน

กิโลกรัมละ 30 บาท แต่ไม่เกินกิโลกรัมละ 35 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 1.20 บาท และ
(1.3) ราคายางเกินกิโลกรัมละ 35 บาท เก็บเงินสงเคราะห์ในอัตรากิโลกรัมละ 1.40 บาท และ (2) ให้

กระทรวงเกษตรฯ ประกาศราคายางที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการค านวณเงินสงเคราะห์ทุกวันที่ 1 และวันที่ 16
ของเดือน โดยอิงราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 FOB (Free On Board) กรุงเทพฯ (ราคาสินค้าที่ส่งมอบ ณ

ท่าเรือส่งออก) โดยให้กระทรวงเกษตรฯ รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรมีแผนงานและ

โครงการที่ชัดเจนซึ่งก าหนดเป้าหมายในการปลูกยางพันธุ์ดีทดแทนยางเก่าเพื่อลดภาระของเกษตรกร เมื่อ