Page 136 -
P. 136
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
13-15
1.1 ให้ความเห็นชอบในหลักการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ
ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียโดยการจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างประเทศให้มีคณะกรรมการบริหาร
ร่วมประกอบด้วย ผู้แทนจากสามประเทศ โดยเห็นชอบให้จัดตั้งส านักงาน ณ ประเทศไทย และให้ผู้แทน
จากประเทศไทยท าหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหาร ให้เรียกเก็บกองทุนจดทะเบียนที่ร่วมทุนตาม
สัดส่วนปริมาณการผลิตยางธรรมชาติของแต่ละประเทศ คาดว่าจะใช้ทุนจดทะเบียนประมาณ 225
ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีหน้าที่ซื้อขาย บริหารยางจากทั้งสามประเทศ
1.2 ให้ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการในรายละเอียดด้านต่างๆ และเร่งรัดให้ด าเนินการเป็นรูปธรรม
เนื่องจากบริษัทนี้เป็นการร่วมทุนของสามประเทศ โดยมีส านักงานตั้งอยู่ในประเทศไทย ดังนั้นจึงควรมี
มาตรการทางภาษีสนับสนุนในการด าเนินกิจการบริษัทฯ ของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย
2. ให้สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ และส านักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับไปพิจารณารูปแบบและแนวทางเกี่ยวกับ
มาตรการทางภาษีสนับสนุนในการด าเนินกิจการบริษัทฯ ของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย เนื่องจาก
บริษัทนี้เป็นการร่วมทุนของสามประเทศ โดยมีส านักงานตั้งอยู่ในประเทศไทยในเรื่องนี้ต่อ
วันที่ 12 มีนาคม 2545 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานมาตรการ
แก้ไขปัญหาราคาข้าวนาปี ปี 2544/45 ไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2544) ซึ่งคณะกรรมการนโยบาย
และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ด าเนินมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) โดยใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อ
ด าเนินการรับจ าน าข้าวเปลือกจากเกษตรกร ด าเนินการแทรกแซงรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร พร้อมทั้ง
ด าเนินมาตรการเสริมเพื่อให้การรับจ าน าข้าวเปลือกจากเกษตรกรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และการ
ระบายข้าวออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยผลการรับจ าน า ณ วันที่ 31 มกราคม 2545 องค์การคลังสินค้า
(อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้
เปิดจุดรับจ าน า 517 จุด ในพื้นที่ 59 จังหวัด จากพื้นที่เป้าหมาย 67 จังหวัด มีเกษตรกรน าข้าวเปลือกมา
รับจ าน า 384,192 ราย ปริมาณรวม 2,956,675 ตัน จ าแนกเป็นข้าวหอมมะลิ ข้าวเปลือกเจ้านาปี และ
ข้าวเปลือกเหนียว โดย อคส. รับฝากเก็บ 1,645,194 ตัน อ.ต.ก. 673,856 ตัน และ ธ.ก.ส. 637,625 ตัน
ซึ่งภายหลังจากการด าเนินการรับจ าน า
วันที่ 12 มีนาคม 2545 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบค าตอบกระทู้ถามที่ 506ร. เรื่อง ชาวไร่อ้อย
ประสบภาวะขาดทุนจากการปลูกอ้อย ของนายนิยม วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี ซึ่ง
ถามว่า ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือชาวไร่อ้อยโดยการให้เงินส่งเสริมการปลูกอ้อยจะได้หรือไม่ ส าหรับผลผลิต
อ้อยซึ่งขณะนี้ตกต่ าจะขอให้รัฐบาลช่วยก าหนดราคาให้ตันละ 600 บาท และบวกความหวานโดยให้
กรรมการอ้อยและน้ าตาลและราษฎรตัวแทนผู้ปลูกอ้อยเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาและประกันราคา