Page 127 -
P. 127
โครงการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
120 สัทวิทยา : การวิเคราะหระบบเสียงในภาษา บทที่ 10 พจนสัทวิทยา
นอกจากนี้ ยังเปนที่สังเกตอีกดวยวา กฎการแปรเสียงที่ตองอางถึงหนวยคําหรือคําใน
บริบท (10.1.1 ) นั้น มีการจัดลําดับกฎในขั้นตางๆ ของการสรางคํา (level ordering) นั่นคือกฎเชนขอ (2)
จะเกิดในขั้นตอนที่มีการเติมตอปจจัย แตจะไมเกิดกับคําสามพยางค ที่มีรูประดับลึกเปนคําสามพยางค
(underived lexical item) คือไมไดเกิดจากการตอปจจัยแลวจึงกลายเปนคําสามพยางค
เชน (จาก Kenstowicz 1995)
(5) ivory [aj], ivory *[+] (ผิด)
niIhtinIale [aj], niIhtinIale *[+] (ผิด)
ตัวอยาง (5) บอกวา กฎ Trisyllabic laxing ขอ (2) ไมมีผลตอคําที่เปนคําสามพยางค
ในรูประดับลึก คือคําที่ไมไดเกิดจากการตอปจจัย
ขั้นตอนของการตอปจจัยก็มีการจัดลําดับชั้นกอน-หลัง เชน
(6) nation > national > nationalize > nationalization
> national > nationality
> *nationity (ผิด)
> *nationational (ผิด)
และในทุกระดับชั้นที่มีการตอปจจัย กฎการเนนพยางคและกฎการแปรเสียง (2) ก็จะมี
ผลตอคําใหมที่เกิดขึ้น ในทุกขั้นตอน เชน
(7) na¸tion [ej] > national [æ] > nationality [æ] > nationalization [+]
ขอสังเกตที่เกี่ยวกับพฤติกรรมในภาษาเชนนี้ บงชี้ถึงความสัมพันธระหวางกฎทางเสียง
กับกฎการสรางคํา และไดพัฒนามาเปนทฤษฎีพจนสัทวิทยา
10.2 พจนสัทวิทยา (Lexical Phonology)
ทฤษฎีนี้พัฒนามาจากเอสพีอี จากการวิเคราะหการแปรเสียงในกระบวนการสรางคํา
(Morphophonemic analysis) ในภาษาอังกฤษ เริ่มโดยนักสัทวิทยา เชนโมฮานัน (Mohanan 1982)
และคีปาสกี (Kiparsky 1982) ผูเสนอการวิเคราะหการแปรเสียงในการสรางคําวาเปนกฎทางเสียงที่เกิด
ในพจนานุกรม หรือ คลังศัพทจําลองในสมอง (lexicon) และควรจัดกฎเหลานี้เปนกฎการสรางคํา
(Lexical rules) ซึ่งแตกตางจากกฎการแปรเสียงในระดับวลีหรือประโยคซึ่งควรจัดเปนกฎในกระบวนการ
หลังการสรางคําแลว (post-lexical rules) คือเปนกฎระดับวลีหรือประโยค (phrasal or sentence rules)