Page 31 -
P. 31

์
                                     ิ
                                   ื
                                                                    ิ
                                                                                ิ
                                               ิ
              โครงการพัฒนาหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
                                                                                                       22




                       ทิศตะวันออก มีแนวลูกคลื่นลอนชันถึงเนินเขาเทลาดมาทางทิศตะวันออกจนถึงแม่น้ำสุพรรณบุรี
                       (สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดสุพรรณบุรี, ๒๕๖๔)

                              ๒.๑.๓ ภูมิอากาศ

                                     จากลักษณะที่ตั้งของจังหวัดสุพรรณบุรีส่งผลให้พื้นที่ในจังหวัดอยู่ภายใต้อทธิพลของ
                                                                                                 ิ
                       ลมมรสุมตะวันออกฉียงเหนือซึ่งพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงฤดูหนาว ทำให้พื้นที่ได้รับ
                       สภาวะหนาวเย็น และแห้งแล้งกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งพัดผ่านในฤดูฝน ส่งผลให้พื้นที่จังหวัด
                       สุพรรณบุรีมีฝนตกและอากาศชุ่มชื้น (ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา, ๒๕๖๖) โดยฤดูกาลใน

                       จังหวัดสุพรรณบุรีสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓ ฤดู ได้แก่ ๑) ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึง
                       กลางเดือนกุมภาพันธ์ จากอิทธิพลของลมมรุสมตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เนื่องจากที่ตั้งของจังหวัด
                       สุพรรณบุรีอยู่บริเวณภาคกลาง ส่งผลให้อุณหภูมิในพื้นที่เย็นช้ากว่าภาคเหนือและภาค
                       ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยอุณหภูมิเริ่มหนาวเย็นในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒) ฤดูร้อน เริ่มประมาณ

                       กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคมหลังจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือสิ้นสุดลง หย่อม
                       ความกดอากาศต่ำจะพัดครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดส่งผลให้เกิดอากาศร้อนอบอ้าว โดยจะร้อนจัดใน
                       เดือนเมษายน และ ๓) ฤดูฝน เริ่มกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ร่องความกด

                       อากาศต่ำพัดผ่านบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านบริเวณภาคกลางและภาคเหนือ
                       ส่งผลให้เกิดฝนตกชุกตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมจนถึงตุลาคม โดยฝนจะตกชุกในเดือนกันยายนและ
                       เป็นช่วงที่มีความชื้นสูงเช่นเดียวกับเดือนตุลาคม (สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสุพรรณบุรี, ๒๕๖๕)
                                     อุณหภูมิในจังหวัดสุพรรณบุรีค่อนข้างสูงและมีอากาศร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน ส่วนฤดู
                       หนาวอุณหภูมิจะไม่หนาวมาก อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ ๒๘.๔ องศาเซลเซียส โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดที่

                       เคยตรวจวัดได้อยู่ที่ ๗.๕ องศาเซลเซียส ในปี พ.ศ.๒๕๔๒ และสูงสุดอยู่ที่ ๔๒.๖ องศาเซลเซียส ในปี
                       พ.ศ.๒๕๐๖
                                     ลักษณะการทำการเกษตรในจังหวัดสุพรรณบุรีส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกข้าว โดยพนที่
                                                                                                       ื้
                       ชลประทานจะอยู่ทางด้านตะวันออกของจังหวัดซึ่งพื้นที่ดังกล่าวสามารถทำนาได้มากกว่า ๒ รอบต่อปี
                       ส่วนพื้นที่ทางด้านตะวันตกเป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานทำนาเพียงปีละ ๑ รอบ ส่งผลให้น้ำฝนเป็น
                       ปัจจัยที่สำคัญสำหรับการดำเนินเกษตรกรรมหลัก พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นที่ราบลุ่มที่
                       ประกอบด้วยแม่น้ำ ลำคลอง และมีหนอง บึงปะปนอยู่ทั่วไป ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่มีความ

                       แตกต่างกันไม่มาก โดยรวมประมาณ ๙๐๐ - ๑,๒๐๐ มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งเป็นฝนที่ได้รับอิทธิพลจาก
                       มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หากปีใดมีอิทธิพลจากพายุดีเปรสชัน จะส่งผลให้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น โดยเดือน
                       กันยายนเป็นเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงที่สุด ประมาณ ๒๑๘.๖ มิลลิเมตรโดยมีจำนวนวันฝนตกมาก
                       ที่สุด ๑๘ วัน ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ (ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา, ๒๕๖๖)


                              ๒.๑.๔ ดิน
                                     ทรัพยากรดินของจังหวัดสุพรรณบุรีสามารถแบ่งออกได้เป็น ๓๓ ชุดดิน โดยคิดเป็น
                       เนื้อที่ประมาณ ๒,๘๘๗,๑๔ ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๖.๒๒ ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นหน่วยดินเชิงซ้อน ๕

                       หน่วย มีเนื้อที่ประมาณ ๑๘,๙๙๐ ไร่ หรือร้อยละ ๐.๕๗ ของเนื้อที่ทั้งหมด และแบ่งเป็นพื้นที่
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36