Page 46 -
P. 46
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
22
2.2 กัญชำในประเทศไทย
2.2.1 กฎระเบียบเกี่ยวกับกัญชำในประเทศไทย
กัญชาถือว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
โดยถูกก าหนดไว้ว่าห้ามปลูก ห้ามเสพ ห้ามจ าหน่ายและมีไว้ครอบครอง แต่ในปัจจุบันภาครัฐได้เล็งเห็นถึง
คุณประโยชน์ของการน ากัญชามาใช้เพื่อเป็นยารักษาโรค และได้พบว่าในหลายประเทศได้มีการแก้ไข
กฎหมายเพื่อที่จะสามารถน ากัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ จึงได้มีการพัฒนากฎหมายของ
ประเทศไทยเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่มีความต้องการน าคุณประโยชน์จาก
กัญชามาใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งต้องพึ่งพาการน าเข้ายาจากต่างประเทศที่มีราคาสูง ท าให้ประเทศ
ไทยต้องเสียงบประมาณในการน าเข้ายาดังกล่าว จึงได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติยาเสพติด (ฉบับที่
7) พ.ศ. 2522 ขึ้นเพื่อแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ให้สามารถใช้ประโยชน์จากการ
วิจัยสารสกัดกัญชาและพืชกระท่อมที่มีประโยชน์และใช้ทางการแพทย์ได้ซึ่งได้รับการยอมรับในหลาย
ประเทศ และเพื่อเป็นการรับรองและคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับและใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการ
รักษาภายใต้ค าแนะน าของแพทย์ผู้ได้รับอนุญาต สาระส าคัญของพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่
7) พ.ศ.2522 ได้แก่
มาตรา 3 ได้ก าหนดให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์
ทางเลือก อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายก
แพทยสภา นายกสภาการแพทย์แผนไทย และนายกสภาเภสัชกรรม เป็นกรรมการเพิ่มในคณะกรรมการ
ควบคุมยาเสพติดให้โทษ ตามที่ก าหนดไว้ในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่ง
ท าหน้าที่เฉพาะในวาระที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ได้แก่ กัญชา และพืชกระท่อม
มาตรา 9 เพิ่มมาตรา 26/2 มาตรา 26/3 มาตรา 26/5 และมาตรา 26/6 ในหมวด 2 การขอ
อนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษแห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
โดย
มาตรา 26/2 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต น าเข้า หรือส่งออกยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ยกเว้นในกรณี
ใช้จ าเป็นเพื่อประโยชน์ทางราชการ การแพทย์ การรักษาผู้ป่วย หรือการศึกษาวิจัยและการพัฒนา รวมถึง
การเกษตรกรรม พาณิชยกรรม วิทยาศาสตร์ หรืออุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งจะต้อง
ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ และในกรณีเป็นการน า
ติดตัวไม่เกินปริมาณที่จ าเป็นส าหรับใช้รักษาโรคเฉพาะตัวโดยมีใบสั่งยาหรือหนังสือรับรองของผู้ประกอบ
วิชาชีพเวชกรรมที่เกี่ยวข้อง และการผลิต น าเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ที่มีปริมาณ
ตั้งแต่สิบกิโลกรัมขึ้นไปให้สันนิษฐานว่าเป็นการผลิต น าเข้า หรือส่งออกเพื่อจ าหน่าย