Page 30 -
P. 30
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
Theories of Marital and Family Therapy
24
การรวบรวมข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลของผู้รับการบ าบัด อาจแตกต่างกันไปตามแนวปฏิบัติของหน่วยงาน
และแนวทางการบ าบัดที่ผู้บ าบัดยึดถือ สถานบริการบางแห่งอาจมีนโยบายขอให้ผู้รับการบ าบัด
ั
กรอกข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดปญหา และท าแบบคัดกรองหรือแบบสอบถาม ก่อนที่จะพบ
ผู้บ าบัด และมีหรือไม่มีเจ้าหน้าที่ท าหน้าที่คัดกรองเบื้องต้นก่อนเข้าพบนักวิชาชีพ สถานบริการ
บางแห่ง กระบวนการเก็บข้อมูลจะเริ่มต้นในครั้งแรกเมื่อผู้บ าบัดพบกับผู้รับการบ าบัด ผู้บ าบัดจึง
ต้องใช้วิจารณญาณในทางวิชาชีพว่ามีความเหมาะสมที่จะด าเนินการอย่างไรให้เกิดความสมดุล
ระหว่างการสร้างสัมพันธภาพในเชิงการรักษา (Establishing rapport/Therapeutic relationship) และ
การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับการบ าบัด รวมถึงการพิจารณาว่าข้อมูลใดไม่มีความจ าเป็นต่อการ
ั
วิเคราะห์ปญหาและวางแผนการบ าบัด เพื่อเป็นการบริหารเวลาและให้การบ าบัดเกิดประสิทธิผล
สูงสุด
โดยทั่วไป การรวบรวมข้อมูลมักอยู่ในประเด็นต่อไปนี้
ั
1. ปญหาที่ท าให้คู่สมรสมาขอรับการปรึกษา
ั
ั
ั
a. ประเด็นปญหา ระยะเวลาที่เกิดปญหา สาเหตุที่ปญหายังคงอยู่
ั
่
b. มุมมองที่คู่สมรสแต่ละฝายมีต่อปญหา
ั
c. คู่สมรสเคยพยายามแก้ไขปญหาด้วยวิธีใดมาก่อน
้
d. เปาหมาย หรือความมุ่งหวังในการเข้ารับการปรึกษา
2. ข้อมูลส่วนบุคคล
a. ประวัติตั้งแต่วัยเด็ก
b. บุคลิกภาพและการปรับตัว
่
c. ความเจ็บปวยทางกาย โรคประจ าตัว ซึ่งอาจมีผลต่อสภาพจิตใจและความสัมพันธ์
d. โรคทางจิตเวช และประวัติการเข้ารับการบ าบัดรักษาในอดีต
3. ความสัมพันธ์ของคู่สมรส
Howard Markman, Scott Stanley และ Susan Blumberg (2010) ได้ใช้ค าถาม
ต่อไปนี้ในงานวิจัย เพื่อประเมินความสัมพันธ์ของคู่สมรส ในเรื่องความขัดแย้งและการ
สื่อสารระหว่างคู่สมรส ซึ่งพบว่าหากคู่สมรสตอบว่าเป็นจริงจะเป็นตัวท านายความทุกข์ใน
ชีวิตสมรสและการหย่าร้าง
1) การพูดคุยตามปกติของคู่สมรสมักจะกลายเป็นการโต้เถียงอย่างรุนแรง
ั
2) คู่สมรสหลีกเลี่ยง หรือปฏิเสธที่จะพูดคุยถึงปญหาส าคัญ
่
่
3) คู่สมรสไม่ใส่ใจต่อค าพูดของอีกฝาย หรือดูถูกอีกฝาย