Page 93 -
P. 93
โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
82 Humanities Journal Vol.21, No.1 (January-June 2014)
เรื่อง “คนเลี้ยงโค” เรื่อง “บุรุษกับนางยักษ์”
ขณะเมื่อบุรุษนั้นปรารถนาจะไปให้พ้น ขณะเมื่อบุรุษปรารถนาจะหนีนางยักขินี
จากภัยเขาจะจับนั้น เปรียบดุจพระ ไปนั้น เปรียบดุจพระโยคาวจรอันได้ซึ่ง
โยคาวจรอันได้ซึ่งปุญจิตุกามยตาญาณ ปุญจิตุกามยตาญาณ
ั
คือปญญาอันปรารถนาจะให้จากสังขาร
ธรรม
ขณะเมื่อบุรุษนั้นละโคเสียปรารภเพื่อจะ ขณะเมื่อบุรุษละเสียซึ่งนางยักขินีใน
่
วิ่งหนีเอาตัวรอดนั้น เปรียบดุจพระ ปาช้าแล้ว แลบ่ายหน้าแล่นหนีไปนั้น
โยคาวจรอันได้ซึ่งโคตรภูชวนะ เปรียบดุจพระโยคาวจรอันได้ซึ่งโคตร
ภูชวนะ
ขณะเมื่อบุรุษนั้นวิ่งตะบึงไปให้พ้นภัย ขณะเมื่อบุรุษนั้นแล่นหนียักขินีไปด้วย
นั้น เปรียบดุจพระโยคาวจรอันได้ซึ่ง เร็วพลัน เปรียบดุจพระโยคาวจรอันได้
มัคคญาณ ซึ่งมัคคญาณ
ขณะเมื่อบุรุษนั้นไปยืนอยู่ในที่ไกลพ้น ขณะเมื่อบุรุษนั้นหนีไปอยู่ในที่พ้นนาง
ภัยนั้น เปรียบดุจพระโยคาวจรอันได้ซึ่ง ยักขินี จะติดตามมิได้นั้นเปรียบเหมือน
ผลญาณ พระโยคาวจรอันได้ซึ่งผลญาณ
จะเห็นได้ว่าแม้ค าอธิบายของนิทานซ้อนทั้ง 2 เรื่องจะใช้องค์ประกอบ
จากนิทานมาเปรียบเทียบต่างกัน แต่ข้อธรรมที่อธิบายนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน
ข้อความเปรียบเทียบก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน มีล าดับแนวทางการเปรียบเทียบไป
เป็นในทิศทางเดียวกัน เพื่อท าให้แนวคิดที่ต้องการน าเสนอชัดเจนและเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกันยิ่งขึ้น
จากการวิเคราะห์วิธีการซ้อนนิทานทั้ง 4 ลักษณะ จะเห็นได้ว่าการ
ั
ซ้อนนิทานมีผลต่อทั้งการเล่าเรื่อง คือท าให้เรื่องด าเนินไปหรือท าให้ปมปญหาใน
เรื่องคลี่คลาย และมีผลต่อการน าเสนอค าสอนที่มีลักษณะต่างกันให้ชัดเจนและ
น่าสนใจ นิทานซ้อนแต่ละเรื่องช่วยขยายความหรือยกตัวอย่างค าสอนที่แสดงให้
ั
เป็นรูปธรรม หรือช่วยแสดงปญญาของตัวละครให้โดดเด่น ซึ่งสามารถตีความเป็น