Page 13 -
P. 13

โครงการรวบรวมและจัดทําเอกสารวารสารอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


                                                            2

                                                          ค าน า

                     ลูกอ๊อดมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนไทยมายาวนานเนื่องจากลูกอ๊อดหลายๆ ชนิดมีการบริโภคอย่างแพร่หลาย

               โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย (Chuaynkern & Duengkae, 2014) โดยเฉพาะลูกอ๊อดที่
               บริโภคนั้นเป็นลูกอ๊อดของสัตว์สะเทินน้ าสะเทินบกในอันดับกบเขียด (Order Anura) นอกจากนี้แล้วลูกอ๊อดที่อาศัยใน
               แหล่งน้ ายังเป็นกลไกและมีบทบาทในระบบนิเวศด้วย แม้ว่าการศึกษาเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของลูกอ๊อดในระบบ
               นิเวศยังมีการสนใจศึกษากันน้อย โดยเฉพาะในประเทศไทย
                     นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสัณฐานวิทยาของลูกอ๊อดตลอดจนโพรงปาก (buccal) มา
               อย่างยาวนาน (Smith, 1916, 1917; Wassersug, 1976; Duellman & Trueb, 1986; McDiarmid & Altig, 1999;
               Shimizu & Ota, 2003) หากแต่ความก้าวหน้าและความถูกต้องยังคงห่างไกลจากความเป็นจริง ทั้งในแง่ของจ านวน
               ชนิดสัตว์สะเทินน้ าสะเทินบกที่มีการค้นพบชนิดใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ (Frost, 2017) และทั้งในแง่ของความละเอียดในการ
               จัดท าค าบรรยาย (description) วิธีการการระบุชนิด และวิธีการที่ใช้ในการศึกษา ซึ่งความก้าวหน้าในการศึกษาต่างก็

               มีความเหลื่อมล้ ากันในแต่ละประเทศ (ดูตัวอย่างใน Leong, 2002; Das & Haas, 2005)
                     ประเทศไทยมีการศึกษาสัตว์สะเทินน้ าสะเทินบกมามากกว่า 140 ปี และการศึกษาลักษณะของลูกอ๊อดก็เริ่มใน
               เวลาใกล้เคียงกัน (Chuaynkern & Duengkae, 2014) ปัจจุบันรายงานการพบสัตว์สะเทินน้ าสะเทินบกในประเทศ
               ไทยมีประมาณ 180 ชนิด (Frost, 2017) แต่การศึกษาลักษณะสัณฐานวิทยาภายนอกและโพรงปากของลูกอ๊อดในไทย
               ยังมีน้อย (ตัวอย่างเช่น Smith, 1916, 1917; Wassersug, 1976; Grosjean et al., 2003, 2015; Inthara et al.,
               2009; Grosjean & Inthara, 2016) ทั้งนี้อันเนื่องมาจากการเก็บรวบรวมตัวอย่างลูกอ๊อด การจ าแนก และเทคนิคใน
               การศึกษายังมีความยากล าบาก และใช้ทุนสูง โดยเฉพาะการใช้เทคนิคดีเอ็นเอ การศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์แบบ

               ส่องกราด (Scanning Electron Microscope, SEM) เป็นต้น
                     บทความนี้เสนอค าบรรยายลักษณะสัณฐานวิทยาภายนอกและกายวิภาคโพรงปากของลูกอ๊อด 3 ชนิด คือ อึ่ง
               แดง (G. guttulatus) อึ่งลายแต้ม (M. buteri) และอึ่งขาค า (M. pulchra) โดยค าบรรยายกายวิภาคโพรงปากใช้
               เทคนิควิธีการย้อมสีเมทิลีนบลู (methylene blue)

                                                    อุปกรณ์และวิธีการ

                     ตัวอย่างลูกอ๊อดอึ่งแดง อึ่งลายแต้ม และอึ่งขาค า ที่ใช้ศึกษามาจากการยืมจากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา
               (Thailand Natural History Museum, THNHM) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จังหวัดปทุมธานี และห้อง

               เก็บตัวอย่างสัตว์มีกระดูกสันหลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น (Khon Kaen Vertebrates Collection, KKUC) (รายละเอียด
               ตัวอย่างแสดงในส่วนของผล) โดยด าเนินการศึกษา ณ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
               จังหวัดขอนแก่น
                     การจ าแนกชนิดของลูกอ๊อดใช้วิธีการตรวจเทียบลักษณะของตัวอย่างลูกอ๊อดกับค าบรรยายที่ได้มีการตีพิมพ์ไว้
               แล้ว ประกอบด้วย Inthara (2000) Noikotr (2001) Danaisawat et al. (2010) Meewattana (2005) ตลอดจน
               การเปรียบเทียบกับภาพถ่ายและโครงสร้างปากกับเอกสารต่างๆ เช่น Inthara et al. (2005)
                     เลือกตัวอย่างลูกอ๊อดในระยะ 36-38 เพื่อศึกษาลักษณะสัณฐานวิทยาภายนอกและโพรงปาก การระบุระยะการ

               เจริญเติบโตของลูกอ๊อดนั้นอ้างอิงตาม Gosner (1960) โดยระยะในช่วงดังกล่าวเป็นระยะที่ลูกอ๊อดมีขาหลังโตเต็มที่
               แล้วจนกระทั่งขาหลังมีนิ้วแยกกันอย่างชัดเจนซึ่งเป็นระยะการเจริญเติบโตของลูกอ๊อดที่มีโครงสร้างปากเจริญเต็มที่
               แล้ว
                     การวัดขนาดขนาดลูกอ๊อดใช้เวอร์เนียคาลิปเปอร์แบบดิจิทอล ยกเว้นลักษณะที่มีขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตรจะ
               ใช้การวัดใต้กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอผ่านเลนส์ตา ในกรณีตัวอย่างลูกอ๊อดมีลักษณะใสท าให้ไม่สามารถมองเห็น
               รายละเอียดได้ชัดเจนจะย้อมด้วยสีเมทิลีนบลูเพื่อให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลักษณะที่ใช้วัดขนาดของลูกอ๊อด



               วารสารสัตว์ป่าเมืองไทย ปีที่ 24 พ.ศ. 2560                  Journal of Wildlife in Thailand Vol. 24, 2017
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18