Page 103 -
P. 103
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
94
พื้นหลังมีคาเปนศูนยหรือใกลเคียงศูนย และทําใหไดคาความสวางบริเวณที่มีการ
เคลื่อนที่แตกตางหางออกจากคาศูนย โดยคาที่ไดอาจเปนไดเปนไดทั้งคาบวกและคา
ลบ ขอควรระวัง คือคาลบที่อยูนอกชวงของขอมูลภาพไมสามารถเซ็ตใหมีคาเปน
ศูนยได เนื่องจากใชคาศูนยแทนบริเวณที่ไมมีการเคลื่อนที่ภายในภาพไปแลว ใน
กรณีนี้ตองแสดงคาสมบูรณของผลตางที่ไดแทน คําสั่งที่ใชในการหาคาสัมบูรณคือ
คําสั่ง imabsdiff(.) คําสั่งนี้ใชหาคาสัมบูรณของผลตางระหวางภาพสองภาพ คําสั่งนี้
ทําหนาที่เหมือนกับการเรียกใชคําสั่ง abs(im1-im2) ถาสมมติให im1 และ im2 เปนคา
จํานวนจริง รูปที่ 3.16 แสดงตัวอยางการลบภาพเพื่อหาวัตถุเคลื่อนที่ คําสั่งที่ใชใน
การสรางภาพเปนดังตอไปนี้
>> im1 = imread(‘road_t1.tif’);
>> im2 = imread(‘road_t2.tif’);
>> imDiff = imabsdiff(im1,im2);
>> figure, imagesc(im1), figure, imagesc(im2), figure, imagesc(imDiff);
รูปที่ 3.16 การลบภาพเพื่อหาวัตถุเคลื่อนที่ภายในภาพ
คําสั่งสําเร็จรูปอีกคําสั่งที่ใชกันบอย คือ คําสั่ง imcomplement(.) คําสั่งนี้เปนคําสั่งที่
ใชในการทําภาพคอมพลีเมนต เปนคําสั่งที่ใชไดกับทั้งภาพไบนารี ภาพเทา และ
ภาพสีจริง ถาเปนภาพไบนารี คําสั่งนี้จะทําการกลับ 0 เปน 1 และกลับ 1 เปน 0 ถา
เปนภาพเทาหรือภาพสีจริงและเปนขอมูลชนิด uint8 คําสั่งนี้จะทําการแปลงคาความ
สวาง I ใหเปนคาเทากับ 255-I สวนกรณีที่เปนขอมูล double ซึ่งมีคาอยูระหวาง [0,1]