Page 169 -
P. 169

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


                                                                                                      13-48



                   การด าเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดสัตว์ปีกที่อาจมีการขอรับ และเบิก

                   จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดสัตว์ปีกไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ให้แล้ว
                   เสร็จและด าเนินการให้ถูกต้องไปโดยเร็ว

                           วันที่ 17 สิงหาคม 2547  คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการ

                   ประชุมเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียม (Premium) สินค้าไก่ปรุงสุก เพื่อชดเชยภาระของรัฐบาลในการให้
                   ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดสัตว์ปีก  เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2547

                   โดยที่ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วเห็นว่า  ไม่ควรมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว เนื่องจากการ
                   จัดเก็บค่าธรรมเนียม (Premium)  เป็นการเพิ่มต้นทุนและภาระให้แก่ผู้ประกอบการส่งออก  รวมทั้ง

                   ค่าธรรมเนียมที่ได้รับไม่คุ้มกับความเสียหายจากการที่ท าให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาด

                   ต่างประเทศ เนื่องจากการท าให้ราคาส่งออกสูงขึ้นจะส่งผลให้ปริมาณส่งออกลดลง ประกอบกับประเทศที่มี
                   การผลิตและส่งออกสินค้าไก่หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เป็นต้น ภาครัฐได้ให้การ

                   สนับสนุน (Subsidy) ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ และผู้ส่งออกไก่ เพื่อให้สามารถแข่งขัน
                   ในตลาดต่างประเทศได้  ดังนั้นประเทศไทยจึงไม่ควรสร้างภาระให้ผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม  การ

                   ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุกให้มากขึ้น  กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการในด้าน

                   ตลาดต่างประเทศรองรับอยู่แล้วโดยจะได้ประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่
                   ได้ก าหนดไว้ต่อไป

                           วันที่ 31 สิงหาคม 2547  คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการ

                   ประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เรื่อง ยุทธศาสตร์ข้าวหอมของไทย เพื่อระดมความเห็นและหาข้อสรุป
                   เกี่ยวกับทิศทางการผลิต คุณภาพ และการตลาดของข้าวหอมแต่ละชนิด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2547 โดยมี

                   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม โดยผลการประชุมสรุปได้ดังนี้ ให้รักษาความเป็น

                   เอกลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยที่มีคุณภาพดีที่สุด และราคาแพงที่สุดของไทยเอาไว้ โดยควบคุมมาตรฐาน
                   การผลิตและการส่งออกอย่างเข้มงวด  และประชาสัมพันธ์  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บรืโภคทั้ง

                   ภายในประเทศและต่างประเทศ ส าหรับข้าวปทุมธานี 1 ได้มีการก าหนดคุณภาพและมาตรฐานแนะน า เพื่อ
                   ยกระดับราคาข้าวชนิดนี้ให้สูงกว่าข้าวขาว แต่ต่ ากว่าข้าวหอมมะลิไทย  และสามารถส่งออกไปแข่งขันกับ

                   ประเทศผู้ส่งออกรายอื่นได้ ส่วนข้าวหอมอื่นๆ ยังไม่มีความจ าเป็นต้องด าเนินการ เนื่องจากปริมาณผลผลิต

                   ไม่มาก และส่วนมากเป็นการจ าหน่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับการ
                   ใช้วิธีการตรวจ DNA เพื่อตรวจสอบความแตกต่างระหว่างข้าวหอมมะลิไทยกับข้าวหอมชนิดอื่นๆ เนื่องจาก

                   เป็นการเพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการค้า  และยังเปิดโอกาสให้ประเทศผู้น าเข้าใช้มาตรการ
                   ดังกล่าวกีดกันการน าเข้าข้าวหอมมะลิจากไทย รวมทั้งควรพิจารณาน าระบบการจดทะเบียนเกษตรกรและ

                   โรงสี และระบบการจัดการคุณภาพ (Good  Agricultural  Practice  :  GAP)  หรือระบบ IP  (Identity

                   Preservation)  มาใช้ในกระบวนการผลิตและการส่งออกข้าว  และขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดที่มี
                   การผลิตข้าวหอมชนิดต่างๆ  ด าเนินมาตรการควบคุมดูแลการผลิตอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ขั้นตอนการก าหนด
   164   165   166   167   168   169   170   171   172   173   174