Page 58 -
P. 58
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เราจะต้องประสบกับอารมณ์อันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่พึงอกพึงใจอยู่ทุก
เวลา ถ้าเราไม่จัดการกับตัวเราเพื่อให้เข้ากับสิ่งเหล่านั้นแล้วไม่เป็นทุกข์
ได้แล้ว เราก็ต้องเป็นทุกข์เรื่อยไป เป็นทุกข์ในเรื่องของคนอื่น ในกิริยา
ท่าทางของคนอื่น ในการกระทำาอะไรต่างๆ ของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
การเป็นเช่นนี้ก็คล้ายๆ กับว่า เราเปิดประตูบ้าน เปิดหน้าต่าง
ไว้ สิ่งสกปรกคือฝุ่นละอองมันก็ปลิวเข้ามาในบ้านของเรา จนกระทั่งเต็ม
บ้าน ฝุ่นหนาไปทั้งบ้านทั้งเรือน อันนี้เป็นการไม่ถูกต้องในการที่เราจะ
กระทำาเช่นนั้น แต่ว่าเราควรระมัดระวังตัวเราเองในการที่จะรับรู้สิ่ง
เหล่านั้น ทำาให้เราเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่ารู้ทันต่อสิ่งนั้นๆ ที่มากระทบ
ชีวิตจิตใจของเรา เพื่อเราจะได้ไม่ต้องขึ้นๆ ลงๆ กับสิ่งที่มากระทบเรา
มากเกินไป
โดยปกติธรรมดานั้น ถ้าเราไม่ปรับจิตใจของเราให้มีกำาลังใจ
ต่อต้านอย่างดีแล้ว เราก็มีอาการขึ้นๆ ลงๆ กับอารมณ์อย่างนั้นอยู่
ตลอดเวลา เรื่องดีมากระทบ ใจมันฟุ้งขึ้น เรียกว่าดีใจ ถ้าเรื่องไม่ดี
มากระทบ ใจก็เหี่ยวแห้งร่วงโรยลงไป ซึ่งเราเรียกว่าเป็นความเสียใจ
ในบางครั้งเราก็ดีใจ แต่ในบางครั้งก็เสียใจ ความดีใจความเสียใจนั้น มัน
มีสภาพคล้ายกับขึ้นๆ ลงๆ ถ้าวัดด้วยปรอทก็เรียกว่ามีขึ้นมีลงอยู่ตลอด
เวลา ไม่เป็นปกติ สภาพจิตใจของเราควรจะอยู่ในสภาพที่เรียกว่าปกติ
ปาฐกถาธรรม ๕7