Page 32 -
P. 32
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สารจาก
ทายาทคุณหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ
(นายทองดี เรศานนท์)
นางพรทิพย์ เรศานนท์ จรัสวิโรจน์
ลูกเกษตรพันธุ์แท้
ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีและขอบคุณที่ได้รับเชิญให้ร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลอง ล้วนแต่เน้นเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย คนมีการศึกษาน้อยก็ทำาตามได้ แม้กระทั่ง
72 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะ “เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ เด็กอย่างข้าพเจ้าก็สามารถสอนให้ต้อนรับแขกเมืองได้อย่างฉาดฉาน แต่
30
อันแนบแน่น” ข้าพเจ้าเป็นบุตรสาวคนเล็กของนายทองดี เรศานนท์ หรือ ติดดินและมีความสุขได้อย่างธรรมดา
หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ เราจึงเหมือนมีบิดาผู้ให้กำาเนิดท่านเดียวกัน ปัจจุบัน ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าขออัญเชิญเพลงที่ข้าพเจ้าไม่เคยลืมจากขบวนคบเพลิง
72 ปี เกษตรศาสตร์ พิพัฒน์แผ่นดินไทย สารแสดงความยินดี
ข้าพเจ้าอายุ 68 ปี เป็นน้องพี่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4 ปี เราถูกฟูมฟักให้ ของพี่ๆ นิสิตที่แห่กันมาท่ามกลางความมืดของเที่ยงคืนปีใหม่ทุกปี เห็นเปลวไฟ
โตมาอย่างอบอุ่นในสังคมครอบครัวใหญ่ มีคุณพ่อเป็นผู้ใหญ่ของบ้าน บรรดา พลิ้วสุดสายตาเพื่อมาอวยพร และขอพรแด่คณาจารย์ทุกๆ ท่าน เป็นการ
คณาจารย์เป็นเสมือนญาติและเพื่อน ช่วยกันดูแลนิสิตอย่างใกล้ชิดเหมือน แสดงความรักและนับถือซึ่งกันและกันอย่างง่ายๆ และอบอุ่น
ลูกหลาน ในวัยเด็ก คุณแม่ข้าพเจ้าคือ คุณเลื่อน เรศานนท์ รับราชการเป็น
ผู้ช่วยคุมงานและฝึกนิสิตภาคปฏิบัติ มักพาข้าพเจ้าไปด้วยเวลาออกสถานที่
ข้าพเจ้ามักติดตามไปด้วยเสมอ เห็นการทำางานของท่านเป็นประจำา ข้าพเจ้า
ชอบดูท่านคุมคนงานหั่นผักกองโต เพราะได้ช่วยโปรยฝอยผักเลี้ยงไก่ในคอก
แล้วไปสนุกกับการวิ่งไล่จับลูกเจี๊ยบตัวนุ่ม ขนฟู สีเหลือง ที่ถูกเลี้ยงเป็นกลุ่ม
ใต้กกอุ่น และช่วยเทนำ้าใส่กระถาง พวกมันจะมาสุมกันกินส่งเสียงเจี๊ยว ส่วน
ลูกไก่ที่เลี้ยงไม่รอดหรือไข่ที่ฟักไม่ออก ข้าพเจ้าก็จะตามคุณพ่อเอาไปเลี้ยง
ปลาหมอในบ่อหลังหอประชุมใหญ่ ข้าพเจ้าได้เฝ้าสมเด็จย่าอย่างใกล้ชิด
ครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาวันนี้ทำาให้คิดได้ว่าผลิตผลเกษตร
ยุคนั้นปลอดสารพิษและมีคุณภาพดีเลิศ
ในวาระครบรอบ 72 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ข้าพเจ้าเชื่อว่าคุณพ่อ
และบรรดาคณาจารย์ผู้เป็นบูรพาจารย์ของมหาวิทยาลัย ตลอดจนพวกเรา
ทุกคนที่เติบโตมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คงมีความภูมิใจที่สปิริต
อันเข้มข้นของเราชาวเกษตรานครที่สืบเนื่องกันมาโดยยึดหลักความซื่อสัตย์
และรักสามัคคี ปรองดอง เป็นที่ตั้ง ได้เป็นพลังให้พวกเราอยู่รอดปลอดภัย
เจริญพัฒนามาได้จนทุกวันนี้ เมื่อมองดูสถานการณ์บ้านเมืองเราในปัจจุบัน
น่าคิดว่า หลักการดั้งเดิมของพวกเรายังคงทันสมัยอยู่ และอาจช่วยชาติให้รอด
ปลอดภัยได้เช่นกัน ดังที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้กลายเป็นเด็กน้อย
ที่เติบใหญ่ ได้เป็นกระดูกสันหลังให้ชาติมาแล้ว โดยเนื้อแท้ คุณหลวง
สุวรรณวาจกกสิกิจเป็นผู้มีความห่วงใยประชาชนคนธรรมดา โดยเฉพาะ (นางพรทิพย์ เรศานนท์ จรัสวิโรจน์)
ชาวบ้านระดับรากหญ้าเป็นสำาคัญ เห็นได้จากตำาราเรียนที่แปลงศัพท์วิชาการ
เป็นภาษาธรรมดา รายการปุจฉา วิสัจนาทางวิทยุ การริเริ่มตลาดนัดเกษตร