Page 99 -
P. 99
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทศวรรษที่ 3
พ.ศ. 2508 พ.ศ. 2509
แผนกวิชาสัตวบาลจัดพิมพ์วารสารสัตวบาล จัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์
“สาส์นไก่” ออกเป็นรายเดือน
คณาจารย์เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และพระองค์ได้เสด็จฯ เข้าสู่หอประชุม
เพื่อทรงดนตรีร่วมกับวง อ.ส. วันศุกร์ ซึ่งมีนักดนตรีเป็นศิษย์เก่า
และอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมอยู่ด้วย ศุภมงคล
วาระในปีนั้นเป็นปฐมฤกษ์อันนำามาสู่การ “เยี่ยมนนทรีทรงปลูก”
และ “ทรงดนตรี” พระราชทานแก่ชาวเกษตรศาสตร์ต่อเนื่องอีก
9 ครั้งระหว่างปี พ.ศ. 2506 - 2515
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีการดำาเนินงานก่อสร้างอาคาร
และสถานที่อย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2506 อาคารสุวรรณวาจกกสิกิจ
90
สร้างเสร็จ โดยชั้นบนเป็นห้องบรรยายขนาดใหญ่ ชั้นล่างเป็นร้านขาย
ผลิตภัณฑ์ของภาควิชาสัตวบาล เช่น ไข่ไก่ นมสด ส่วนอาคาร
72 ปี เกษตรศาสตร์ พิพัฒน์แผ่นดินไทย ทศวรรษที่ 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดนตรีร่วมกับวงดนตรีของสถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต ของคณะเศรษฐศาสตร์สหกรณ์ (คณะเศรษฐศาสตร์ในปัจจุบัน)
พิทยาลงกรณได้สร้างเสร็จในปีเดียวกัน และถูกใช้เป็นอาคารเรียน
สำาหรับสนามกีฬาอินทรี จันทรสถิตย์ สร้างขึ้นจากวิสัยทัศน์ของ
ศาสตราจารย์อินทรี จันทรสถิตย์ อธิการบดีขณะนั้น ได้สร้างเสร็จในปี
ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 พระบาทสมเด็จ- พ.ศ. 2508 และเปิดใช้เป็นปฐมฤกษ์ ในงานกรีฑาประจำาปีเดียวกันนั้นเอง
พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ
ในปี พ.ศ. 2508 ศาสตราจารย์อินทรี จันทรสถิตย์ ลาออกจาก
มาทรงปลูกต้นนนทรีจำานวน 9 ต้น ณ บริเวณสระนำ้า ด้านหน้า ตำาแหน่งอธิการบดี สำานักนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้หม่อมหลวง
ประจำามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ได้ไม่นาน หม่อมหลวงชูชาติ กำาภู ซึ่งขณะนั้นดำารงตำาแหน่งอธิบดี
อาคารหอประชุม และพระราชทานต้นนนทรีเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ ชูชาติ กำาภู ขึ้นดำารงตำาแหน่งอธิการบดีแทน หลังดำารงตำาแหน่ง
ในการเสด็จพระราชดำาเนินคราวนั้น พระบาทสมเด็จ- กรมชลประทานอยู่ด้วย ได้แสดงวิสัยทัศน์ถึงการเพิ่มจำานวนนิสิต
พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรดานิสิตและ ในอนาคต เพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
“มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องยกระดับแวดวงเกษตรกรรมของประเทศไทยโดยเป็นผู้มอบองค์ความรู้และเพิ่มมูลค่า
สินค้าเกษตรให้มากขึ้น จึงจะเป็นที่พึ่งพาของสังคมได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยได้เติบโตมีหลายสาขามากมาย
แต่ทิศทางหนึ่งที่น่าจะคงไว้คือการพยายามช่วยเหลือเกษตรกรให้อยู่ดีกินดี
“ผมขออาราธนาดวงวิญญาณอดีตอธิการบดี อาจารย์ ปรมาจารย์ทั้งหลาย ช่วยดลบันดาลให้มหาวิทยาลัยเจริญรุ่งเรือง
โดยมุ่งสร้างปัญญาและเป็นที่พึ่งของสังคมและประชาชนคนไทยทั่วไปทุกๆ คน”
ศาสตราจารย์ ดร.จรัญ จันทลักขณา
ผู้อำานวยการสถาบันสุวรรณวาจกกสิกิจฯ คนแรก