Page 101 -
P. 101
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทศวรรษที่ 3
พ.ศ. 2510 พ.ศ. 2510
โอนคณะสัตวแพทย์บางส่วนไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยุบเลิกตำาแหน่งเลขาธิการมหาวิทยาลัย
แต่บางส่วนยังอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตามเดิม เปลี่ยนเป็นตำาแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายต่างๆ
ราชการ ดังนั้นที่ดินเพื่อจัดตั้งวิทยาเขตกำาแพงแสนจึงมีพื้นที่รวม หม่อมหลวงชูชาติ กำาภู ลาออกจากตำาแหน่งอธิการบดีใน
ประมาณ 7,425 ไร่เศษ บันทึกของรองศาสตราจารย์อาบ นคะจัด ปี พ.ศ. 2510 โดยนายกวี วิสุทธารมณ์ รักษาราชการอธิการบดีอยู่
ชี้ว่า การขยายงานไปยังวิทยาเขตกำาแพงแสนถือเป็นคุณูปการ ไม่นาน สำานักนายกรัฐมนตรีจึงได้แต่งตั้งให้ศาสตราจารย์อินทรี
สำาคัญของหม่อมหลวงชูชาติ เนื่องจากเป็นการยกระดับการศึกษา จันทรสถิตย์ กลับมาดำารงตำาแหน่งอธิการบดีอีกวาระหนึ่ง การ
ภาคเกษตรให้นิสิตในเมืองมีโอกาสไปปฏิบัติงานในพื้นที่จริง กลับมาของศาสตราจารย์อินทรีในวาระที่ 2 นี้ ได้ผลักดันการพัฒนา
การขยายงานไปยังวิทยาเขตกำาแพงแสน นอกจากจะเปิด มหาวิทยาลัยทั้งเชิงกายภาพและวิชาการอย่างรุดหน้ามาก
โอกาสให้นิสิตในเมืองมีโอกาสได้ฝึกฝนการปฏิบัติงานในสภาพ ส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมในการขอกู้เงินจากธนาคารโลก
แวดล้อมชนบท ยังเป็นการเตรียมความพร้อมครั้งใหญ่เพื่อรองรับ แต่ศาสตราจารย์อินทรีได้ขอลาออกในปี พ.ศ. 2512 ด้วยเหตุผลทาง
92
การเสนอโครงการขอกู้เงินจากธนาคารโลก เพื่อนำามาพัฒนา สุขภาพ สภามหาวิทยาลัยฯ จึงแต่งตั้งให้หม่อมเจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
มหาวิทยาลัย ซึ่งวิสัยทัศน์ของหม่อมหลวงชูชาติ กำาภู ได้ช่วย จักรพันธุ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) คณบดีคณะเกษตร ดำารงตำาแหน่ง
72 ปี เกษตรศาสตร์ พิพัฒน์แผ่นดินไทย ทศวรรษที่ 3 เพิ่งก่อสร้างเสร็จ ทำ ให้ประเทศไทยมีพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นหลายจังหวัดทางตะวันตก
ผลักดันให้โครงการดังกล่าวสำาเร็จในทศวรรษต่อมาได้เป็นอย่างดี
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในช่วงนั้นเอง เขื่อนวชิราลงกรณที่จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งใช้เงินกู้จากธนาคารโลก
ของพระนคร หนึ่งในนั้นคือบริเวณอำาเภอกำาแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่ง
มหาวิทยาลัยประเมินแล้วว่าเหมาะสมต่อการศึกษาด้านเกษตรกรรม การคมนาคม
ไม่ไกลมากนัก และมีนำ้าใช้ตลอดทั้งปี จึงเหมาะสมต่อการขยายเป็นอีกวิทยาเขตของ
มหาวิทยาลัย
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 รัฐบาลจึงประกาศเวนคืนให้ที่ดินขนาดประมาณ
8,000 ไร่บริเวณดังกล่าว เป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำาแพงแสน
โดยมีวัตถุประสงค์ขยายงานการศึกษาด้านเกษตร ลดความแออัดจากวิทยาเขต
บางเขน เปิดโอกาสให้นิสิตได้ลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ และรองรับการพัฒนา
มหาวิทยาลัย ซึ่งกำาลังจะได้รับงบประมาณก้อนใหญ่จากการกู้ธนาคารโลก
ในปีเดียวกันนั้นเอง
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำาแพงแสน แม้ในระยะแรกจะมีนิสิตไปเรียนน้อยและหาบุคลากรได้ยากเต็มที ส่วนใหญ่เน้น
ไปทางการทำ วิจัยและทดลองทางการเกษตร แต่ในที่สุดวิทยาเขตกำ แพงแสนก็เริ่ม
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำ แพงแสน จัดการเรียนการสอนครั้งแรกในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522
ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2510 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในสมัยที่หม่อมหลวงชูชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำ แพงแสน ได้รับความช่วยเหลือจาก
กำ ภู เป็นอธิการบดี ได้มีผู้เชี่ยวชาญจาก University of California มาวางแผน ต่างประเทศหลายโครงการ โดยเฉพาะจากรัฐบาลญี่ปุ่น เช่น การก่อสร้างศูนย์
พัฒนาด้านการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัย ผลการศึกษาชิ้นนั้นรายงานว่า เครื่องจักรกลการเกษตร และศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตร เป็นต้น
มหาวิทยาลัยจำ เป็นต้องขยายพื้นที่ในเขตพระนคร 4,000 ไร่ หรือ 8,000 ไร่ ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำ แพงแสน มีทั้งหมด 7 คณะ
นอกเขตพระนคร สำาหรับการเรียนการสอนวิชาเกษตรกรรมเพื่อรองรับ เป็นวิทยาเขตที่พร้อมทั้งการเรียนการสอน และบริการทางวิชาการที่เข้มแข็ง
การเติบโตของประเทศในอนาคต ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวิทยาเขตบางเขน