Page 42 -
P. 42
ิ
ิ
์
ิ
ื
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ิ
ี
ิ
่
ี
็
ผานมเนอราไลเซีชันทีสลายอนทรย์ ดนเยือกแขง มการประเมินว่าภาวะโลก
ิ
ิ
่
ิ
ิ
็
คาร์บอนให้เกดเปนคาร์บอนไดออกไซีด์ ร้อนจะทำาให้ร้อยละ 25 ของชั�นดนเยือก
็
ี
โดยจลนทรย์ ในทางตรงกันข้าม ความ แขงเกดการละลายภายใน ค.ศ. 2100
ิ
ุ
ิ
่
ุ
่
ิ
ึ่
ำ�
ิ
ี
ี่
่
�
ี
แห้งแล้งทีเพิมขึนในพื�นทซีงเดิมมนามาก ทำาให้ชมจลนทรย์ทีเดมอยู่เฉย ๆ ในชั�น
ุ
่
ี
่
ู
ิ
เช่น พื�นทชุ่มนา (Wetland) และพื�นทีพรุ ดนเยือกแข็งนนถกกระตุ้นให้เกิดกจกรรม
ั
�
ำ�
ิ
ี
ื
(Peatland) จะสร้างสภาวะที่เอ�ออำานวย ทางชวภาพ เช่น การหายใจ การหมัก และ
ิ
มากขึ�นสำาหรับกจกรรมของจลนทรย์ เมทาโนเจเนซีิสทีเปนกระบวนการสร้าง
็
่
ุ
ิ
ี
ี
ำ
โดยการลดระดับนาและการนาออกซีเจน มเทนจากอนทรย์คาร์บอน เกดในสภาวะ
ิ
ำ�
ี
ิ
ิ
ุ
ิ
ี
ิ
ี
ี
ิ
เข้าสู่ดินซีึงก่อนหน้านี�ไม่มออกซีเจนช่วย ไม่มออกซีเจน โดยจลนทรย์เมทาโนเจน
่
ิ
่
่
ิ
ี
่
เพิมกจกรรมของเอนไซีม์ฟ้นอลออกซีเดส (Methanogenic Microorganism) ซีึงสวน
ิ
ี
ซีึงมบทบาทสำาคัญในการสลายอนทรีย ใหญเปนอาร์เคย (Archaea) จลนทรย์
ี
็
่
ิ
ุ
ี
่
ุ
ิ
วัตถทีซีับซี้อนและการหมนเวียนของสาร ทีอยู่ในชั�นดินทีละลายเริ่มผลตเอนไซีม์
่
ุ
่
่
�
่
ี
ประกอบฟ้นอลทียับยังการทำางานของ หลายชนิดทีสลายสารประกอบคาร์บอน
่
่
่
เอนไซีม์ทีทำางานนอกเซีลล์ (Extracellular ทีมโมเลกลขนาดใหญ่ เช่น เซีลลูโลสจาก
ี
ุ
่
ื
Enzyme) การเปลยนแปลงกิจกรรมของ พช ให้เป็นนาตาลโมเลกลเล็กซีึงทำาหน้าที ่
ี
่
ำ�
ุ
ิ
่
ี
่
ี
ฟ้นอล ออกซีเดสนอกเซีลล์อาจสงผล เปนแหลงพลังงานสำาหรับแบคทีเรยและ
็
ิ
ี
ุ
่
ื
่
่
็
่
โดยตรงตอการกักเกบคาร์บอนในดินผาน จลนทรย์อน เมือการละลายของชั�นดิน
การสลายของอนทรียวัตถทีย่อยสลาย เยือกแข็งดำาเนินตอไปการสลายตัวมมาก
่
ิ
ี
ุ
่
่
ื
ิ
่
ี
ำ
ยากอย่างอน และโดยการปลดปล่อย ขึ�นนาไปสูการเปลยนคาร์บอนในดนเป็น
่
ื
ื
เอน-ไซีม์ไฮโดรเลสจากการยับยั�งด้วยสาร ก๊าซีเรอนกระจก คอ คาร์บอนไดออกไซีด์
ิ
ำ�
่
ี
ุ
ั
่
ประกอบฟ้ลนอล เนืองจากพื�นทชุ่มนาและ และมเทน นอกจากน�นอนทรียวัตถทีเดิม
ิ
่
ี
พื�นทีพรุเปนแหลงคาร์บอนทีใหญที่สด ถกแช่แขงในดนจะถกปลดปลอยออกมา
ู
ุ
็
่
่
ิ
่
่
่
็
ู
ิ
ี
ิ
ิ
่
่
แหลงหนึงของโลก การสลายตัวทีเพิมขึ�น ปรมาณมาก ทำาให้มีปรมาณอนทรยวัตถ ุ
่
่
ุ
่
ี
ิ
ของอนทรียวัตถทีทนทานภายใต้ความ ทีจลนทรย์จะย่อยสลาย ใช้เปนแหล่ง
ุ
ิ
็
่
่
แห้งแล้งอาจมนยสำาคัญต่อวัฏิจักร พลังงานและปลอยคาร์บอนไดออกไซีด์
ี
ั
คาร์บอนทั่วโลก ในขณะทีการเพิมขึนของ มากขึนผลคือทำาให้เกิดการเปลียนแปลง
่
�
่
่
�
ิ
ปรมาณออกซีเจนทีมาพร้อมกับภัยแล้ง สภาพภมอากาศมากขึ�น
ิ
ู
่
ิ
ิ
ี
ส่งเสรมการสลายตัวของสารอนทรย์ใน ในมหาสมทรมคาร์บอน-
ุ
ี
ิ
ำ�
พื�นทชุ่มนาและพื�นทีพรทำาให้มการปลอย ไดออกไซีด์ประมาณร้อยละ 93 ถูกกักเก็บ
ี
ี
่
่
่
ุ
ุ
่
คาร์บอนไดออกไซีด์สูบรรยากาศเพมขึ�น ไว้ วัฏิจักรคาร์บอนในมหาสมทรส่วนใหญ ่
่
ิ
็
ี
ิ
ิ
ชั�นดนเยือกแข็ง (Permafrost) ที ่ เกดโดยแพลงก์ตอนขนาดเลก แบคทีเรย
ี
�
ำ�
ิ
็
่
็
ขัวโลก เปนแหลงกักเกบสารประกอบ และอาร์เคย ระบบนเวศในนาทำาหน้าที ่
็
คาร์บอนทีใหญทีสดบนบก การเพิมขึ�น เปนแหลงเก็บกักคาร์บอนไดออกไซีด์
่
่
่
ุ
่
่
ิ
ุ
่
่
ของอณหภมทำาให้เกดการละลายของชั�น ผานปั�มชวภาพ (Biological Pump) ซีึง
ิ
ู
ี
35
35