Page 117 -
P. 117
์
ิ
ื
ิ
ิ
ิ
โครงการหนังสออเล็กทรอนกสด้านการเกษตร เฉลมพระเกียรตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คำอธิบาย 1 หน้ากระดาษ A4
ที่ผ่านมารัฐบาลไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้ใช้นโยบายเกษตรในหลากหลายรูปแบบเพื่อบรรเทาความ
เดือดร้อนของเกษตรกร ซึ่งต้องใช้งบประมาณในแต่ละปีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีงานวิจัยที่ทำการ
ประเมินผลกระทบขั้นสูงต่อความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของเกษตรกรตลอดจนความคุ้มค่าของการดำเนินนโยบาย
เหล่านี้ค่อนข้างน้อย และผลการศึกษาจากงานวิจัยในอดีตอาจก่อให้เกิดปัญหา “ความเอนเอียงในการคัดเลือก”
และไม่ได้คำนึงถึงกรณีที่ครัวเรือนเกษตรมักเข้าร่วมมากกว่า 1 นโยบายในเวลาเดียวกัน งานวิจัยชิ้นนี้มี
วัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของนโยบายสาธารณะในภาคเกษตรจำนวน 8 นโยบายต่อรายได้สุทธิและ
ภาระหนี้สินของครัวเรือนเกษตรไทยที่เข้าร่วมโครงการ โดยประยุกต์ใช้วิธีการประเมินผลกระทบโดยใช้ค่าคะแนน
ความน่าจะเป็นของการเข้าร่วมโครงการแบบตัวแปรหลายทางเลือก พร้อมทำการสัมภาษณ์เชิงลึกภาคส่วนที่
เกี่ยวข้อง และวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งครอบคลุมปีการเพาะปลูก 2560/61-2562/2563
ผลการศึกษา พบว่า นโยบายการบริหารจัดการน้ำช่วยเพิ่มรายได้สุทธิเกษตรทางตรงให้กับครัวเรือน
เกษตร 178,852 บาท/ครัวเรือน/ปี อย่างไรก็ตาม นโยบายแผนการผลิตข้าวครบวงจร นโยบาย Zoning by Agri-
Map และนโยบายธนาคารสินค้าเกษตร กลับทำให้รายได้สุทธิเกษตรทางตรงของครัวเรือนเกษตรลดลง 43,158
บาท/ครัวเรือน/ปี 32,976 บาท/ครัวเรือน/ปี 125,568 บาท/ครัวเรือน/ปี ตามลำดับ ส่วนนโยบายอื่นๆ ที่เหลือ ไม่
พบว่าทำให้รายได้สุทธิเกษตรทางตรงของครัวเรือนเกษตรเปลี่ยนแปลง เมื่อพิจารณาผลกระทบของนโยบายต่อ
ภาระหนี้ของครัวเรือนเกษตร ผลการศึกษาพบว่า มีเพียงนโยบาย Zoning by Agri-Map ที่สามารถช่วยลดสัดส่วน
หนี้สินต่อทรัพย์สินรวมของครัวเรือนเกษตรเท่ากับ -0.38 ขณะที่นโยบายธนาคารสินค้าเกษตรกลับทำให้สัดส่วน
หนี้สินต่อทรัพย์สินรวมของครัวเรือนเกษตรเพิ่มขึ้น 0.18
เมื่อนำรายได้สุทธิเกษตรทางตรงคูณกับจำนวนครัวเรือนเกษตรที่ได้รับประโยชน์ พบว่า นโยบายการ
บริหารจัดการน้ำเป็นเพียงนโยบายเดียวที่สร้างผลประโยชน์เชิงบวกจากทั้ง 8 นโยบายที่ได้ทำการศึกษา โดยสร้าง
มูลค่าผลประโยชนเท่ากับ 378,221 ล้านบาท/ปี ซึ่งนับว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับงบประมาณแผ่นดินที่ใช้เฉลี่ย 60,742
์
ล้านบาท/ปี ขณะที่พบว่า 7 นโยบายที่เหลือไม่คุ้มค่ากับการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน โดยทั้ง 8 นโยบายที่ศึกษา
สร้างมูลค่าผลประโยชน์เท่ากับ 180,686.25 ล้านบาท/ปี และเมื่อหักลบกับงบประมาณที่ใช้จ่ายตลอด 3 ปี
ประมาณเฉลี่ย 73,779 ล้านบาท/ปี ทำให้สรุปได้ว่า ทั้ง 8 นโยบายโดยภาพรวมสร้างมูลค่าผลประโยชน์สุทธิเชิง
บวกรวม +106,908 ล้านบาท/ปี งานศึกษานี้มีข้อเสนอแนะทั้งในภาพรวมและรายนโยบาย โดยสรุปได้ดังนี้
1. ควรปรับเปลี่ยนนโยบายการให้เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าไปสู่การให้เงินช่วยเหลือแบบมีเงื่อนไข เพื่อ
สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มภูมิคุ้มกัน
2. ควรสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าอบรมรับความรู้เพิ่มเติมและฝึกปฏิบัติจริง พร้อมการประเมินผลสัมฤทธิ์
ที่ไม่ได้วัดเพียงจำนวนผู้เข้าร่วมอบรม โดยขอความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่
3. ควรเพิ่มแนวทางดึงดูดแรงงานวัยหนุ่มสาวจนถึงวัยกลางคนที่มีศักยภาพให้หันมาทำเกษตรมากขึ้น
อาทิ การให้เงินช่วยเหลือพร้อมหลักประกันความเสียหายของผลผลิตในช่วงต้นของการทำเกษตร
4. ส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และสนับสนุน sharing economy ผ่าน
การส่งเสริมตลาดเช่าบริการเครื่องจักรกลการเกษตร เป็นต้น
5. เกษตรกรส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมนโยบายเป็นสมาชิกของสถาบันเกษตรกร การเพิ่มความเข้มแข็งและ
บทบาทให้กับสถาบันเกษตรกรน่าจะช่วยให้นโยบายต่างๆ ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
99