Page 31 -
P. 31
โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ด้านการเกษตร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
26 31
ของตนขาวจึงมีความจําเปน หากใสมากเกินความจําเปน ยอมเปนการเพิ่ม 8. การปองกันโรค แมลง และสัตวศัตรูขาว
ตนทุนการผลิตโดยใชเหตุ อีกทั้งยังทําใหตนขาวหักลมงายและออนแอตอ โดยเนนการปองกันดวยวิธีบูรณาการ หากสามารถปฏิบัติไดตาม
การเขาทําลายของโรคและแมลงไดงาย การใสปุยอาจมีการวิเคราะหดิน ขั้นตอนขางตน โดยเตรียมดินใหพิถีพิถัน เลือกพันธุขาวที่เหมาะสม ไมปลูก
เพื่อเลือกสูตรปุยที่เหมาะสมกอน หรือมีการใชปุยอินทรียรวมและควรไถ ขาวแนนเกินไป ใสปุยเคมีใหเหมาะสม กําจัดวัชพืชหัวไรปลายนา และมี
กลบฟางขาวเพื่อใหยอยสลายเปนปุย เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณและปรับ การจัดการน้ํารวมดวย จะสงผลใหการระบาดของโรค แมลง และสัตว
โครงสรางของดินซึ่งจะทําใหการใสปุยครั้งตอไปสามารถลดการใสปุยลง ศัตรูพืชก็จะนอยลงหรือไมพบการระบาด และที่สําคัญชาวนาควรมีการ
โดยอาจใส 2 – 3 ครั้งตอการเพาะปลูกขาว 1 ฤดู ซึ่งปุยเคมีที่ใชสําหรับนา ตรวจแปลงอยางสม่ําเสมอ เพื่อการประเมินความเสี่ยงตอการระบาดของ
ขาวโดยทั่วไปมี 2 แบบคือปุยผสมที่ใสรองพื้นหรือปุยครั้งแรก มี 2 สูตรคือ ศัตรูขาว เพื่อประเมินหาการระบาดที่เริ่มถึงระดับทางเศรษฐกิจ
16-20-0 และ 16-16-8 สําหรับใชในดินปลูกขาวที่เปนดินเหนียวและดิน (economic threshold, ET) ที่ชาวนาจะตองมีมาตรการณใดๆ ก็ตามที่
ทรายตามลําดับและปุยแตงหนาคือปุยสูตร 46-0-0 โดยมีอัตราการใหดังนี้ เหมาะสมเพื่อลดการระบาดของศัตรูขาว กอนที่การระบาดของศัตรูขาวจะ
ครั้งที่ 1 ใสปุยหลังจากหวาน 20 – 30 วัน หรือ หลังปกดํา 7 – 10 วัน ใน ถึงระดับเสียหายทางเศรษฐกิจ (economic in July level, EIL) ที่การ
อัตรา 20 – 30 กิโลกรัมตอไร สวนปุยครั้งที่ 2 และ 3 นั้นใชสูตร 46 – 0 – ดําเนินการปองกันการระบาดไมคุมคากับการลงทุนที่ดําเนินการไป ชาวนา
0 อัตรา 5 – 15 กิโลกรัมตอไร เมื่อขาวอยูในระยะแตกกอเต็มที่และระยะ ตองสามารถจําแนกศัตรูขาวและศัตรูธรรมชาติได หากสามารถรักษาระบบ
สรางรวงออนตามลําดับ หากชาวนาจะใสปุยเพียง 2 ครั้งแนะนําใหใสครั้ง นิเวศในแปลงนาใหเกิดสมดุลได ศัตรูธรรมชาติของศัตรูขาวจะสามารถ
แรกและใสครั้งที่ 2 แตงหนาเมื่อขาวสรางรวงออน ควบคุมการระบาดใหอยูระดับสมดุล (general equilibrium position,
การใสปุยอินทรียก็สามารถใชเกณฑเดียวกันไดโดยตองคํานึงถึงความ GEP) ที่ไมจําเปนตองมีการดําเนินการใดๆ เพื่อควบคุมการระบาดเลยก็
ตองการธาตุอาหารสําหรับการเจริญเติบโตใหเพียงพอ ซึ่งการใหผลผลิตขาว เปนได
1,000 กิโลกรัมนั้นขาวตองการธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และ การปองกันหรือกําจัดศัตรูขาวอาจใชสารสกัดจากธรรมชาติในการ
โพแทสเซียมอยางละ 20 5 และ 25 กิโลกรัมตามลําดับ โดยธาตุอาหารที่ ปองกันกําจัดไดหรืออาจจะมีการใชเชื้อปฏิปกษเพื่อปองกันกําจัดศัตรูขาว
ตนขาวดูดไปใชสวนหนึ่งจะติดไปกับเมล็ดที่เก็บเกี่ยวออกไป และมีสวนที่ เชน เชื้อบิวเวอเรีย เมตาไลเซียม หรือ ไตรโคเดอรมา หากมีการใชสารเคมี
เหลือในฟางขาวเปน 5.4 1.1 และ 14.5 กิโลกรัมของไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ปองกันกําจัด โรค แมลง และสัตวศัตรูขาวควรใชเทาที่จําเปน โดยยึด
และโพแทสเซียม ตามลําดับ หลักการใชสารเคมีที่ ถูกชนิด ถูกอัตรา และ ถูกเวลา เพื่อใหการใชสารเคมี
เนื่องจากดินที่ใชในการปลูกขาวมีการเพาะปลูกตอเนื่องกันเปน ปลอดภัยตอชาวนา สิ่งแวดลอม และผูบริโภค
ระยะเวลายาวนาน ธาตุอาหารอาจจะสูญเสียความสมดุลไป จึงจําเปนตอง นอกจากนี้ยังสามารถใชการจัดการระบบนิเวศ หรือ นิเวศวิศวกรรม
มีการปรับปรุงดินดวยปุยพืชสด ปุยคอก ปุยหมัก หรือปุยชีวภาพ การใสปุย (ecological engineering) ในนาขาวเพื่อเพิ่มจํานวนแมลงศัตรูธรรมชาติ
นั้นควรใสตามคาวิเคราะหดินเพื่อใหตรงตามความตองการของขาว ซึ่ง ในแปลงนาโดยจัดสภาพแวดลอมรอบแปลงดวยการปลูกพืชที่มีดอกสี