Page 142 -
P. 142

โครงการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี




                       ขณะเดียวกันรัฐบาลประเทศต่างๆ ได้ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก LED  เพื่อลดการใช้พลังงาน เป็น

               ต้นว่ากระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันยังประกาศเมื่อเดือนเมษายน 2550  ว่าลงทุน 2,100  ล้านเหรียญไต้หวัน

               เพื่อจะเปลี่ยนไฟสัญญาณจราจรทั่วประเทศมาเป็นการใช้ LED ทั้งหมดภายใน 3 ปี ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตจะ
               เปลี่ยนไฟที่ให้แสงสว่างแก่ถนนมาเป็น LED  เช่นเดียวกัน จากการนําไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายทําให้

               ปัจจุบันตลาด LED  แบบที่มีแสงสว่างสูงได้เติบโตอย่างรวดเร็วจาก 122  ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2538  เป็น

               3,900  ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2548  และคาดว่าในอนาคตเติบโตขึ้นในอัตราสูงถึงปีละ  25%  โดยสัดส่วน
               มากกว่าครึ่งหนึ่ง คือ 52%  ได้นําไปใช้ในการให้แสงสว่างแก่จออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบเคลื่อนที่ เช่น จอ

               โทรศัพท์มือถือ จอของกล้องดิจิตอล ฯลฯ รองลงมาคือใช้ในป้าย และจอภาพขนาดใหญ่ 14%  ใช้ในรถยนต์
               14% ญี่ปุ่นครองตลาด LED มากเป็นอันดับ 1 ของโลก รองลงมาคือไต้หวัน โดยหากรวมปริมาณการผลิตของ

               2  ประเทศคือ ญี่ปุ่นและไต้หวัน จะมีส่วนแบ่งตลาดโลกรวมกันมากถึง 2  ใน 3 สําหรับผู้นําในธุรกิจ LED  คือ
               บริษัท Nichia ของญี่ปุ่น บริษัท Toyoda Gosei ของญี่ปุ่น และบริษัท Cree ของสหรัฐฯ



               ข้อดีของ LED


                LED ยังมีประสิทธิภาพการให้พลังงานแสงสว่างที่ระดับสูงถึง 70 ลูเมน/วัตต์สูงกว่าหลอดไฟฟ้าแบบขดลวด

                  ที่มีประสิทธิภาพที่ระดับ 15 ลูเมน/วัตต์ แม้ประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างของหลอด LED ในปัจจุบันจะ
                  ต่ํากว่าหลอดไฟแบบฟลูออเรสเซนต์ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงถึง 80-100  ลูเมน/วัตต์ อย่างไรก็ตามแสงสว่าง
                  ของหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์จะแพร่ออกไปทุกทิศทางทําให้สูญเปล่าจํานวนมาก ขณะที่แสงสว่างของ LED
                  จะส่องไปเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น ดังนั้นประสิทธิภาพของ LED  ที่ระดับ 70  ลูเมน/วัตต์จึงนับมีมากกว่า

                  หลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ระดับ 100 ลูเมน/วัตต์ ยิ่งไปกว่านั้น LED ก้าวหน้าเร็วมาก ทําให้มีแนวโน้มว่าจะมี
                  ประสิทธิภาพหนือกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาประสิทธิภาพของ
                  LED เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 5 ลูเมน/วัตต์ ในปี 2539 เป็น 50 ลูเมน/วัตต์ ในปี 2546 และเพิ่มขึ้นเป็น

                  70  วัตต์/ลูเมนในปี 2547  ล่าสุดบริษัท Nichia  ได้ประกาศเมื่อปลายปี 2549  ว่าประสบผลสําเร็จในด้าน
                  วิจัยและพัฒนา LED ต้นแบบที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 150 ลูเมน/วัตต์
                หลอดฟลูออเรสเซนต์จะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากภายในบรรจุไอของปรอท ขณะที่หลอดไฟ
                  LED มีผลกระทบน้อยกว่า

                สามารถควบคุมคุณภาพของแสงให้ปล่อยออกมาได้ ดังนั้นจึงนําไปใช้ประโยชน์ในการให้แสงสว่างในสถานที่
                  สําคัญเป็นต้นว่า พิพิธภัณฑ์ลูฟของกรุงปารีส ได้ใช้แสงจาก LED ในการให้แสงสว่างต่อภาพเขียนโมนาลิซ่า

                  เนื่องจากสามารถควบคุมแสงสว่างจาก LED  ไม่ให้มีส่วนผสมของแสงที่เป็นอันตรายต่อภาพเขียนเช่น แสง
                  อินฟราเรด แสงอุลตราไวโอเลท ฯลฯ
                จากการที่ LED      ปล่อยความร้อนออกมาน้อยมาก ทําให้อาคารลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าในส่วน
                  เครื่องปรับอากาศทําให้ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นไปอีก

                อายุการใช้งานของหลอด LED  ยาวนานถึง 100,000  ชั่วโมง หรือ 11  ปี เปรียบเทียบกับหลอดฟลูออเรส
                  เซนต์ซึ่งมีอายุใช้งาน 30,000 ชั่วโมง หรือหลอดไฟฟ้าแบบขดลวดที่มีอายุใช้งานเพียง 1,000-2,000 ชั่วโมง

                  เท่านั้น








                                                           139
   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147