Page 29 -
P. 29
ิ
ั
ิ
ุ
ิ
์
ิ
โครงการพัฒนาหนังสออเล็กทรอนกสเฉลมพระเกียรต สมเด็จพระเทพรตนราชสดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี
ื
ี
ี
่
้
ค ำพิพำกษำฎกำท 1755/2531 โจทก์ออกเช็คช าระหนีค่าซือรถยนต์แก่ ว. โดยมอบเช็คนั้น
้
ให้แก่ ฮ.ตัวแทนของ ว.สิทธิในเช็คย่อมตกแก่ ว. แล้วตั้งแต่เวลาทีโจทก์มอบเช็คให้แก่ ฮ. โจทก์หามีสิทธิ
่
ในเช็คดังกล่าวอีกต่อไปไม การที่ ฮ. ท าเช็คตกหาย และมีผู้เก็บได้แล้วเบียดบังเปนของตนโดยทุจริต
็
่
โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
้
จึงไม่มีอ านาจฟอง
้
่
็
้
ในคดีนีจะเห็นได้ว่า โจทก์ได้ขอช าระหนีค่ารถยนต์โดยใช้เช็คซึงเปนตั๋วเงินประเภทหนึง โดย
่
็
่
โจทก์ได้นาเช็คนั้นไปมอบให้แก่ ฮ. ซึงมีฐานะเปนตัวแทนของผู้ขาย เมื่อ ฮ. ได้รับเช็คไปแล้วก็ย่อมถือว่า
ผู้ขายได้รับมอบการครอบครองเช็คแล้ว ผู้ขายจึงมีสถานะเปนผู้ทรงเรียบร้อยแล้ว ศาลจึงเห็นว่าเมื่อมีคน
็
ขโมยเช็คไป โจทก์ในฐานะผู้ซือย่อมไมใช่ผู้เสียหาย เพราะโจทก์ได้ส่งมอบความครอบครองในเช็คไป
้
่
43
่
็
้
เรียบร้อยแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค ผู้เสียหายในคดีนีควรจะเปนผู้ขายทีให้ตัวแทนรับมอบเช็คแทน
่
ี
ี
่
้
ค ำพิพำกษำฎกำท 2792/2540 ในคดีนี จ าเลยมาขอยืมเงินจาก ส. แต่ ส. ไมมีเงินสดพอ ส. จึง
่
ไปสอบถามโจทก์ว่า โจทก์ต้องการให้จ าเลยยืมเงินหรือไม่ ซึงโจทก์ก็ยินดี และโจทก์ได้มอบเงินให้แก่ ส.
เพื่อให้ ส. นาเงินมามอบให้จ าเลย จ าเลยจึงได้ออกเช็คผู้ถือให้ ส. ครอบครองไว้ ต่อมา ส. ได้นาเช็คไป
้
่
เข้าบัญชีโจทก์ แต่ธนาคารปฏิเสธการจายเงิน โจทก์จึงฟองให้จ าเลยรับผิดตามเช็ค ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
่
็
“การที ส. ส่งมอบเงินให้จ าเลยและรับเช็คพิพาทจากจ าเลยไว้ ถือได้ว่าเปนการกระท าแทนโจทก์ในฐานะ
็
ตัวการ” ดังนั้น เมือ ส. ได้รับเช็คจึงถือเปนการครอบครองเช็คแทนโจทก์ โจทก์จึงมีฐานะเปนผู้ทรงเช็ค
็
่
และมีนิติสัมพันธ์กับจ าเลย โจทก์จงมอ ำนำจฟองใหจ ำเลยรับผิดตำมเช็ค
ี
้
้
ึ
ในคดีนี จะเห็นได้ว่า แม้โจทก์จะไมได้ครอบครองเช็คเอง แต่มอบหมายให้ ส. ครอบครองเช็ค
่
้
็
แทนในฐานะตัวแทน โจทก์ก็ยังคงถือเปนผู้ทรงเช็คอยู่
่
จากทีกล่าวมาข้างต้นท าให้เห็นว่า ผู้ทรงต้องมีความครอบครองในตั๋วเงิน โดยผู้ทรงสามารถ
มอบหมายให้บุคคลอื่นครอบครองตั๋วนั้นแทนก็ได้
่
็
่
ในกรณีของตั๋วระบุชือตามทีบัญญัติไว้ในมาตรา 904 จะเห็นได้ว่า บุคคลทีจะเปนผู้ทรงได้
่
่
จะต้อง (1) มีตั๋วไว้ในครอบครอง และ (2) บุคคลนั้นยังต้องอยูในฐานะผู้รับเงิน หรือ ผู้รับสลักหลังด้วย
็
้
ในประเด็นนีได้มีค ำพิพำกษำฎกำท 5526/2552 รับรองว่าบุคคลทีจะเปนผู้ทรงเช็คระบุชือได้ บุคคลนั้น
่
่
ี
ี
่
้
่
ต้องอยูในฐานะของผู้รับเงิน หรือ ผู้รับสลักหลังเท่านั้น โดยในคดีนีมีข้อเท็จจริงว่า “ขณะทีธนาคารตาม
่
44
็
เช็คปฏิเสธการจาย ผู้ทรงเช็คพิพาทในขณะนั้นคือ พ. น. และ จ. หาใช่โจทก์ร่วมซึ่งมีฐานะเปนบุคคล
่
่
ต่างหากจากบุคคลทั้งสามไม แม้บุคคคลทั้งสามจะมีความสัมพันธ์ในฐานะเปนตัวแทนของโจทก์ร่วมใน
็
ี
่
ี
่
็
้
็
43 นอกจากนี ค ำพิพำกษำฎกำท 2621/2518 (ประชุมใหญ่) วินิจฉัยท านองเดียวกัน “จ. เปนเจ้าของร้าน ส. ซึงเปน
็
่
บุตรช่วยค้าขายอยูในร้าน จ าเลยออกเช็คเงินสดช าระหนีค่าสินค่าให้แก่ร้าน แม้จ าเลยส่งมอบเช็คให้ ส. และ ส. เปนผู้
้
เก็บรักษาเช็คนั้นไว้ ส. ก็เปนเพียงผู้เก็บรักษาเช็คไว้แทน จ. เท่านั้น ส. ไม่ใช่ผู้ทรง”
็
44 ในค าพิพากษาย่อยาวระบุว่า “เช็คฉบับนีมีการมีการขีดฆ่าค าว่าผู้ถือออกมีแต่ชื่อวิพงษ์ - วินัย - วิจิตร เปนผู้รับเงิน”
็
้
28
เอกสารประกอบการสอนวิชากฎหมายว่าด้วยตั๋วเงิน โดย อ. ดร. ชีวิน มัลลิกะมาลย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์